คาดแบงก์แข่งดุสินเชื่อบ้านชิงยอดรับมาตรการรัฐส่งท้ายปี

คาดแบงก์แข่งดุสินเชื่อบ้านชิงยอดรับมาตรการรัฐส่งท้ายปี

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยสินเชื่อที่อยู่อาศัยโค้งสุดท้ายของปีสดใส มาตรการกระตุ้น อสังหาฯ ช่วยหนุน คาดทั้งปีโตได้ในตัวเลขสองหลักที่ 10.5% แต่ห่วงหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เกิดปัญหาหากเศรษฐกิจแย่ลง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปภาพรวมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 ยังเติบโตได้ค่อนข้างดี โดยโดดเด่นกว่าสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล ตามแรงหนุนจากปริมาณอุปทานอสังหาริมทรัพย์สร้างเสร็จและเสนอขายเข้าสู่ตลาด ที่กระตุ้นความต้องการบ้านของลูกค้าที่ยังมีอำนาจซื้ออยู่ในเกณฑ์ดี โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2558 สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 11.0% ซึ่งแม้จะชะลอตัวลงจากระดับ 11.6% ณ สิ้นไตรมาส 2/2557 แต่ก็เป็นผลของฐานที่สูงของระยะเดียวกันในปีก่อนเป็นสำคัญ

รวมถึงผลจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์คงมีส่วนช่วยหนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาส 4/2558-ไตรมาส 1/2559 อีกทั้งส่งผลดีต่อความต้องการที่อยู่อาศัยในทุกระดับราคา แม้ว่ามาตรการในครั้งนี้ จะเน้นน้ำหนักไปยังกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทก็ตาม ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่ามาตรการที่มีผลช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายผ่านการลดค่าธรรมเนียมการโอนฯ และยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นผู้ที่วางแผนเตรียมจะซื้ออสังหาริมทรัพย์อยู่แล้วให้มีการตัดสินใจได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผนวกกับการที่ธนาคารพาณิชย์จะทยอยนำเสนอโครงการสินเชื่อบ้านแคมเปญพิเศษออกมาเพิ่มเติมด้วยในช่วงส่งท้ายปีนี้ ถึงต้นปีหน้า เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีรายได้ระดับปานกลางขึ้นไป

ด้วยผลบวกส่วนหนึ่งจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ข้างต้น ผนวกกับปัจจัยด้านฤดูกาล คาดว่าจะทำให้สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในช่วงโค้งสุดท้ายน่าจะจบปี 2558 ได้ที่ 10.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยเป็นอัตราการเติบโตด้วยเลขสองหลักติดต่อกันเป็นปีที่ 9 และเป็นอัตราที่สูงขึ้นจากประมาณการเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.5-9.5% YoY ขณะที่สภาพตลาดที่มีความคึกคักขึ้นดังกล่าว คงจะนำมาสู่การแข่งขันระหว่างสถาบันการเงินที่เข้มข้นขึ้นตามไปด้วย แม้ว่าต้องแลกด้วยมาร์จิ้นของสถาบันการเงินที่อาจลดลงไปบ้างก็ตาม

อย่างไรก็ตาม หลังจากหมดอายุมาตรการคาดว่า กิจกรรมในตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยคงจะเงียบลง เนื่องจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ในครั้งนี้ เป็นการดึงความต้องการบริโภคล่วงหน้าของผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน ดังนั้น จึงทำให้เป็นโจทย์ที่ท้าทายร่วมกันของทั้งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และสถาบันการเงินในการ นำเสนอแคมเปญใหม่ๆ เพื่อมากระตุ้นตลาดเพิ่มเติม หลังจากพ้นช่วงเวลาของมาตรการ เพื่อรักษาอัตราการเติบโตทางธุรกิจและส่วนแบ่งทางการตลาดให้เป็นไปตาม เป้าหมาย

อีกประเด็นสังเกตคือ หนี้ครัวเรือน ซึ่งคาดว่าผลของมาตรการต่อการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนคงจะทยอยปรากฏในปลายปีนี้ต่อเนื่องจนถึงต้นปีหน้า ตามยอด สินเชื่อปล่อยใหม่ที่ยังจะเร่งขึ้นในระยะบังคับใช้ของมาตรการ โดยมองว่าสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ณ สิ้นปี 2558 คงจะเอียงเข้าสู่ 82.5% ต่อจีดีพี ซึ่งเป็น กรอบบนของประมาณการเดิม (เทียบกับ ณ สิ้นไตรมาส 2/2558 ที่ 80.6%)

ทั้งนี้ แม้ว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนที่จะแปรผันตามค่อนข้างมากกับสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่มีสัดส่วนประมาณเกือบ 30% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด ดังกล่าว จะได้รับการดูแลจากนโยบายการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่รัดกุมมาตรการ Loan-to-Value ของ ธปท. ตลอดจนการกำหนดเพดานการกู้ยืมสูงสุดและระยะเวลาการดำเนินโครงการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในรอบนี้ที่ตีกรอบไว้ชัดเจน แต่ท้ายสุดแล้วคงต้องฝากความหวังไว้ที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจด้วย ซึ่งหากมี แรงส่งที่เด่นชัดและต่อเนื่องมากขึ้น ก็คงจะทำให้คลายความกังวลต่อการไต่ระดับขึ้นของหนี้ครัวเรือนนี้ได้