ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โชว์ผลการดำเนินงานปี 2558 เป็นไปตามเป้าหมาย สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 157,447 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2557 คิดเป็น 10.34% เกินกว่าเป้าสินเชื่อที่กำหนดไว้ 7,647 ล้านบาท ดันยอดสินทรัพย์รวมทะลุ 9 แสนล้านบาท ยอดเงินฝากรวมเพิ่มขึ้น 11.36% พร้อมประกาศความสำเร็จของการจัดงาน “ธอส. มหกรรมที่อยู่อาศัย-สินเชื่อเพื่อประชาชน” หลังจัดงานครบ 4 จังหวัดหัวเมืองหลัก ยอดขอสินเชื่อภายในงานรวมกว่า 5,646 ล้านบาท ยอดยื่น คำขอกู้ตามนโยบายรัฐบาล “มาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและ ปานกลาง” เกือบเต็มกรอบวงเงินรวม 25,000 ล้านบาทแล้ว
นางไลวรรณ ปองเสงี่ยม รองกรรมการผู้จัดการ รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากการให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรฐานการให้บริการที่ดีทั่วทั้งองค์กรอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “ธอส.บริการด้วยหัวใจ” เพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอย่างยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาล ส่งผลให้ผลการดำเนินงานปี 2558 เมื่อเทียบกับปี 2557 ปรับตัวดีขึ้นทุกด้าน โดยธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 157,447 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,750 ล้านบาท คิดเป็น 10.34% และเกินเป้าหมายปี 2558 ที่กำหนดไว้ 149,800 ล้านบาท เป็นจำนวน 7,647 ล้านบาท ยอดสินเชื่อ คงค้างรวม 862,832 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68,527 ล้านบาท คิดเป็น 8.63% สินทรัพย์รวม 900,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75,225 ล้านบาท คิดเป็น 9.12% เงินฝากรวม 726,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74,119 ล้านบาท คิดเป็น 11.36% ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 47,049 ล้านบาท คิดเป็น 5.45% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นเพียง 0.09% ตามภาวะเศรษฐกิจ กำไรสุทธิจำนวน 8,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.31% จากสิ้นปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ 8,587 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งมากที่ 14.90% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 8.50% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
“แม้ภาวะเศรษฐกิจในปี 2558 อาจได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยเสี่ยง แต่ ธอส.ยังคงเป็นสถาบันการเงินหลักด้านที่อยู่อาศัยสร้างโอกาสให้คนไทยได้มีบ้านโดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อยและปานกลาง เห็นได้จากสินเชื่อปล่อยใหม่ที่ยังขยายตัวจากปีที่ผ่านมาถึง 10.34% มีลูกค้าประชาชนได้รับสินเชื่อจากธนาคารถึง 126,240 ราย แบ่งเป็นสินเชื่อวงเงินไม่เกิน 1.5 ล้านบาท จำนวน 88,272 ราย สำหรับแนวทางการดำเนินงานปี 2559 ธนาคารมุ่งเน้นดำเนินตามพันธกิจกิจหลักในการสนับสนุนนโยบายภาครัฐด้านที่อยู่อาศัยสร้างโอกาสให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง การจัดทำโครงการให้ความรู้ ส่งเสริมการออมเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การ มีบ้านได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงการพัฒนาและยกระดับคุณภาพการให้บริการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ ธอส. สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยกำหนดเป้าหมายสินเชื่อใหม่ในปี 2559 ไม่ต่ำกว่า157,000 ล้านบาท” นางไลวรรณกล่าว
ด้านนายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการ ธอส. ประกาศความสำเร็จของการจัดงาน “ธอส. มหกรรมที่อยู่อาศัย-สินเชื่อเพื่อประชาชน” ซึ่งธนาคารได้จัดงานครบ 4 จังหวัดหัวเมืองหลักตามเป้าหมาย ประกอบด้วย จังหวัดขอนแก่น หาดใหญ่ เชียงใหม่ และล่าสุดที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรีว่า การจัดงานดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมีประชาชนจองซื้อบ้านกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่นำที่อยู่อาศัยคุณภาพดี มาเปิดจำหน่ายพร้อมด้วยเงื่อนไขและราคาสุดพิเศษ พร้อมขอสินเชื่อตาม”มาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง” มาตรการที่ช่วยให้ประชาชนได้รับวงเงินกู้ที่สูงขึ้น เป็นวงเงินรวมกว่า 5,646 ล้านบาท 2,897 ราย ซึ่งการจัดงาน “ธอส. มหกรรมที่อยู่อาศัย-สินเชื่อเพื่อประชาชน” นับว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้ยอดยื่นคำขอกู้ผ่านมาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อฯ จำนวน 24,866 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559 มีผู้ได้รับอนุมัติสินเชื่อตามมาตรการดังกล่าวจำนวน 17,397 ล้านบาท 12,449 ราย และ คาดว่าจะสามารถอนุมัติสินเชื่อได้ครบ 25,000 ล้านบาทภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้
“ผลตอบรับของประชาชนต่อมาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางซึ่งคณะกรรมการธนาคารได้มีมติขยายกรอบวงเงินจากเดิมที่กำหนดไว้ 10,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 25,000 ล้านบาท แต่ก็ยังพบว่ามีผู้ยื่นคำขอกู้เต็มกรอบวงเงินภายในระยะเวลาเพียงประมาณ 4 เดือนหลังเริ่มรับคำขอยื่นกู้ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2558 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ธอส. สามารถจัดทำผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอย่างแท้จริง” นายสุรชัยกล่าว
ประธานกรรมการ ธอส. ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ ธอส. พร้อมสนับสนุนนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ตามนโยบายของรัฐบาลผ่านโครงการอื่นๆ ที่จะจัดทำขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการบ้านประชารัฐ ซึ่งธนาคารคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการเฟสแรกภายในเดือนมีนาคมนี้