รวมพลัง”แบงก์รัฐ”ตรึงดอกเบี้ยปีนี้

รวมพลัง"แบงก์รัฐ”ตรึงดอกเบี้ยปีนี้

#สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างประเทศ #สินเชื่อสำหรับคนไทยในต่างประเทศ #บ้านและสินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างประเทศ
#สินเชื่อคนไทยในต่างแดน #สินเชื่อบ้านเพื่อคนไทยที่ทำงานในต่างประเทศ #อยู่ต่างประเทศซื้อบ้านที่ไทย #สินเชื่อบ้านคนไทยในต่างแดน
แวดวง”แบงก์รัฐ” หารือรวมพลังกำหนดทิศทางดอกเบี้ยของแบงก์รัฐ ฟากธอส.ชี้หากดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ปรับขึ้น 1-3 ครั้ง ธอส.ยังสามารถตรึงดอกเบี้ยและหากต้องปรับขึ้นจะปรับเพียงครั้งเดียวในอัตรา 0.125-0.25% ต่อปีเท่านั้น
การตรึงดอกเบี้ย อาจจะกระทบต่อต้นทุนบ้าง แต่เป็นการดำเนินการภายใต้นโยบายรัฐบาลมอบให้ธนาคารรัฐทำธุรกิจแบบไม่ต้องเน้นกำไรสูงสุด แต่อย่างไรก็ตาม ทางธอส.คาดว่าในปีนี้ กำไรธนาคารลดลงประมาณ 1,000 ล้านบาท จากนโยบายไม่เน้นกำไร และธนาคารออกแพคเกจสินเชื่อต่ำหลายตัว แต่ภาพรวมกำไร ธอส.ในปีนี้ยังสูงกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.จะพยายามไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้บ้านไปจนกว่าจะถึงสิ้นปี แม้ขณะนี้จะเป็นช่วงของดอกเบี้ยขาขึ้น เนื่องจากขณะนี้ธนาคารยังสามารถบริหารต้นทุนเงินฝากและเงินกู้ไว้ในระดับเดิมได้ แต่ถ้าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายคงจะต้องหารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูง 6 สถาบันการเงินของรัฐ เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยอีกครั้ง ถึงแม้ตอนนี้ประเมินกันว่า กนง.ยังไม่น่าปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วๆ นี้ แต่หากมีการปรับขึ้นจริง ธนาคารก็จะขึ้นให้ช้าที่สุด โดยจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างมากสุดเพียงแค่ครั้งเดียว 0.125% แต่ถ้าดอกเบี้ยนโยบายขึ้นปลายปีนี้ในอัตราที่ไม่สูง ธนาคารอาจไม่ขึ้นเลยในปีนี้ โดยปัจจุบัน ธอส.มีดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ที่ 6.25% เอ็มโออาร์ 7% เอ็มอาร์อาร์ 6.75% ซึ่งเฉลี่ยต่ำที่สุดในตลาดสินเชื่อ คาดว่าในปีนี้ ทางธอส.จะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 1.78 แสนล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกปล่อยได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 10% โดยในช่วงครึ่งปีหลังธนาคารมีแผนจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ ออกมารองรับผู้ที่ต้องการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อการมีบ้านอย่างต่อเนื่อง พร้อมมั่นใจว่าจะสามารถขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายระยะยาวภายใต้การบริหารในปี 2563 เพื่อให้มีส่วนแบ่งการตลาดเป็น 1 ใน 3 ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งระบบ และมีสินเชื่อรวม 1.15 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 1.2ล้านล้านบาท
ซึ่งหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา และเฟดยังส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้ ซึ่งจากการประชุมระหว่างผู้บริหารสภาสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (สภาแบงก์รัฐ) ล่าสุด มีข้อสรุปร่วมกันว่า หากคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้บริหาร 7 แบงก์รัฐ เพื่อกำหนดทิศทางนโยบายของธนาคารร่วมกัน จากเดิมต่างคนต่างพิจารณา และอิงทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่

โดย 7 ธนาคารรัฐประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกาตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธ.อ.ส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) จะพยายามคงดอกเบี้ยเงินกู้ในปีนี้ โดยจะปรับขึ้นให้ช้าที่สุดหาก กนง.ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่หาก กนง.ลดดอกเบี้ย แบงก์รัฐพยายามลดดอกเบี้ยเงินกู้เร็วที่สุด เพื่อประโยชน์ของประชาชน