#สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างประเทศ #อยู่ต่างประเทศซื้อบ้านในไทย #สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างแดน #อยู่ต่างประเทศอยากซื้อบ้านในไทย
รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ถือเป็นรถไฟฟ้าสายสำคัญที่เปลี่ยนโฉมหน้าทำเลแนว ถ.พหลโยธินให้มีศักยภาพมากขึ้นกว่าเดิมจากในอดีตที่มีศักยภาพอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นทำเลที่เชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯ ตอนเหนือกับใจกลางเมือง และเชื่อมต่อ จ.ปทุมธานี ได้อย่างสะดวกสบาย โดยถือเป็นรถไฟฟ้าสายตรงที่สามารถเชื่อมต่อใจกลางเมืองอย่างสยาม อโศก ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสาย รายล้อมด้วยแหล่งงานขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และสถานศึกษาชั้นนำมากมาย
ทำเลศักยภาพที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
จากอานิสงส์ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวทำให้ราคาที่ดินตลอดแนวรถไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจของคอลลิเออร์ส พบว่า ราคาที่ดินแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวเพิ่มสูงขึ้นกว่า 50% ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันราคาสูงที่สุดอยู่แนว ถ.พหลโยธิน 200,000-300,000 บาท/ตารางวา ซึ่งถูกกว่าทำเลห้าแยกลาดพร้าวที่อยู่ที่ประมาณ 400,000-500,000 บาท/ตารางวา ส่วนใน ซ.พหลโยธิน ราคาอยู่ที่ 80,000-150,000 บาท/ตารางวา และทำเลหลักสี่ ราคาอยู่ที่ 100,000-250,000 บาท/ตารางวา ซึ่งย่านนี้ราคาที่ดินไม่เปลี่ยนแปลงมากนักเนื่องจากถูกจำกัดเรื่องความสูง นอกจากนี้พื้นที่ที่เลยจากแยกวงเวียนหลักสี่ไปจะถูกจำกัดเรื่องความสูงของอาคาร เพราะอยู่ใกล้ท่าอากาศยานดอนเมือง และหากเป็นพื้นที่เลยจากแยกเกษตรไป จะถูกจำกัดด้วยที่ดินเพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานราชการ
ภาพรวมที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในบริเวณที่มีศูนย์การค้า มหาวิทยาลัย หรือชุมชนดั้งเดิม อาทิ แยกลาดพร้าว แยกรัชโยธิน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สะพานใหม่ มีจำนวนยูนิตเหลือไม่มากนัก เนื่องจากอัตราการขายอยู่ที่ประมาณ 90% ราคาขายคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ยังไม่สูงเกินไป โดยช่วงแยกรัชโยธินขึ้นไปทางแยกเกษตร ราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ 130,000 บาท/ตารางเมตร ถูกกว่าบริเวณใกล้เคียงอย่างพหลโยธินตอนต้นถึงแยกรัชโยธิน ที่มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 162,000 บาท/ตารางเมตร สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 218,000 บาท/ตารางเมตร
ทั้งนี้ ในอนาคตคาดว่าราคาขายเฉลี่ยจะสูงขึ้นต่อเนื่องตามความคืบหน้าของการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้า โดยอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ต่อปีหรือมากกว่านั้นในบางทำเล และภายหลังจากรถไฟฟ้าเปิดให้บริการในปี 2563 คาดว่าจะมีจำนวนคอนโดมิเนียมสร้างแล้วเสร็จประมาณ 90,000 ยูนิต
