#สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างประเทศ #อยู่ต่างประเทศซื้อบ้านในไทย #สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างแดน #อยู่ต่างประเทศอยากซื้อบ้านในไทย
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เผยผลการดำเนินงานปี 2560 สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 196,817 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 18,593 ล้านบาท หรือ 10.43% ดันสินเชื่อคงค้างรวมแตะ 1 ล้านล้านบาทครั้งแรก พร้อมลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL เหลือเพียง 4.21% ของยอดสินเชื่อคงค้าง ลดลง 0.85% พร้อมประกาศแผนปี 2561 จับมือพันธมิตรลุยสินเชื่อบ้านผู้มีรายได้น้อย ขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรม ยกระดับบริการสู่ Digital Services เต็มรูปแบบ พร้อมเดินหน้า 6 โครงการสำคัญ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนให้องค์กรภายใต้หลักธรรมาภิบาล ประกอบด้วย 1.โครงการพัฒนาระบบงานหลัก (CBS) 2.Payment Gateway เพิ่มช่องทางการชำระเงินผ่าน Digital Platform 3.Big Data Management ศึกษาพฤติกรรมความต้องการของลูกค้าจากฐานข้อมูลทั้งภายในและภายนอกองค์กร 4.Mobile Application ครอบคลุมบริการหลักของธนาคารครบวงจรใน Application เดียว 5.พัฒนาเครื่องมือ ในการบริหารจัดการความเสี่ยง และป้องกันภัยคุกคามทาง Cyber และ 6.G H Bank Lottery เพิ่มช่องทาง การระดมเงินฝากระยะยาว และเป็นทางเลือกในการออมให้กับประชาชน ยกระดับบริการสู่ Digital Services เต็มรูปแบบ
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2560 เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2559 ว่า ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 196,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.06% คิดเป็น 160,305 บัญชี สูงกว่าเป้าหมายซึ่งกำหนดไว้ที่ 178,224 ล้านบาท จำนวน 18,593 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,023,446 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.24% สินทรัพย์รวม 1,062,540 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.65% เงินฝากรวม 858,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.90% มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 43,104 ล้านบาท คิดเป็น 4.21% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลง 0.85% ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ ผ่านมาตรการช่วยเหลือลูกค้าในรูปแบบต่างๆ เพื่อรักษาบ้านให้คนไทย กำไรสุทธิ 11,775 ล้านบาท เพื่อให้ผ่าน KPI ตามนโยบายกระทรวงการคลัง ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งที่ 14.88% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 8.50% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
ตลอดปี 2560 ธนาคารสามารถดำเนินงานตามแผนขับเคลื่อนองค์กรภายใต้ 3 ภารกิจหลัก 1)นวัตกรรมนำองค์กร พัฒนาคน พัฒนาระบบเทคโนโลยีด้วยแผน Transformation to Digital Services เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน 2) สินเชื่อคงค้างล้านล้านบาท 3) บริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ โดยลด NPL ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่สูงกว่าเป้าหมายถึง 18,593 ล้านบาท คิดเป็น 10.43% ของเป้าหมาย 178,224 ล้านบาท ทำให้สินเชื่อคงค้างเกิน 1 ล้านล้านบาทได้เป็นครั้งแรก จากในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ประมาณ 38% ของเป้าหมายเท่านั้น ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงนโยบายการดำเนินงาน ธอส.ที่ไม่ได้มุ่งเน้นการทำกำไรสูงสุด แต่นำความสามารถในการทำกำไรไปจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสุดในตลาด เพื่อทำให้คนไทยมีบ้านได้มากที่สุด ทำให้สินเชื่อ Home for All ผลิตภัณฑ์เดียวตอบโจทย์ได้อย่างดี สามารถปล่อยสินเชื่อได้กว่า 100,000 ล้านบาท และโครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก มีลูกค้าใช้บริการสินเชื่อกว่า 32,000 ล้านบาท นายฉัตรชัยกล่าว
สำหรับแผน Transformation to Digital Services ธนาคารได้นำ Digital Technology มาปรับใช้ทุกส่วนของธุรกิจเริ่มจากการสร้าง Digital Culture / Digital Literacy ให้คนในองค์กรใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ยกระดับการให้บริการโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นตัวขับเคลื่อนเริ่มจากการจัดทำโครงการ Payment Gateway เฟสแรก ด้วยการนำเครื่องรับชำระหนี้เงินกู้อิเล็กทรอนิกส์ หรือ LRM (Loan Repayment Machine) จำนวน 90 เครื่อง กระจายให้บริการตามสาขาครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้าในการชำระหนี้เงินกู้ได้ทุกที่ทุกเวลา จัดทำ Application : GHB Smart Receipt บริการใบเสร็จรับชำระหนี้เงินกู้แบบอิเล็กทรอนิกส์ Application : GHB Smart Booth ให้บริการลูกค้าสามารถดูโปรโมชั่นพิเศษ และจองสิทธิ์ภายในงานมหกรรมต่างๆ
นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนงานปี 2561 ว่า ธอส.กำหนดเป้าสินเชื่อปล่อยใหม่ 189,000 ล้านบาท โต 6% จากเป้าสินเชื่อปี 2560 ที่กำหนดไว้ 178,224 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าตามพันธกิจทำให้คนไทยมีบ้าน จับมือพันธมิตรสร้างโอกาสให้คนไทยโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองตามนโยบายรัฐบาล ควบคู่กับการยกระดับการให้บริการสู่ Digital Services อย่างเต็มรูปแบบ นำเทคโนโลยีมาปฏิรูปทุกกระบวนการทำงานภายในองค์กร บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ผลประโยชน์กลับคืนสู่ประชาชนในรูปแบบของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำ เพื่อให้ลูกค้าประชาชนได้ใช้บริการที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ได้อย่างเท่าเทียมทุกระดับตอบโจทย์ยุค 4.0 โดยมี 6 โครงการสำคัญเป็นตัวขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และผลักดันให้ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย เพื่อก้าวสู่การเป็นธนาคารที่ดีที่สุดสำหรับการมีบ้าน ประกอบด้วย 1.โครงการพัฒนาระบบงานหลัก (CBS) มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2562 เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจและบริการรูปแบบใหม่ 2.Payment Gateway เพิ่มช่องทางการชำระเงินผ่าน Digital Platform และพัฒนาระบบการชำระเงินแบบ Non Cash Payment หรือการชำระเงินโดยไม่ต้องใช้เงินสด 3.Big Data Management ศึกษาพฤติกรรมความต้องการของลูกค้าจากฐานข้อมูลทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อนำมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ บริการ และพัฒนากระบวนการทำงาน 4.Mobile Application ครอบคลุมบริการหลักของธนาคารครบวงจรใน Application เดียวทั้งการยื่นขอสินเชื่อ, Pre-Approve, ติดตามสถานะยื่นกู้, นัดเซ็นสัญญา, นัดทำนิติกรรมจำนอง, บริการด้านเงินฝาก(ฝาก-ถอน-โอน), ชำระหนี้เงินกู้ และชำระค่าสาธารณูปโภค 5. พัฒนาเครื่องมือในการบริหารจัดการ ความเสี่ยง และป้องกันภัยคุกคามทาง Cyber เพื่อให้บริการของธนาคารมีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และ 6.G H Bank Lottery เพิ่มช่องทางการระดมเงินฝากระยะยาว และเป็นทางเลือกในการออมให้กับประชาชนเพื่อช่วยทำให้โครงสร้างเงินฝากของธนาคารปรับตัวดีขึ้น สอดคล้องกับการปล่อยสินเชื่อมากยิ่งขึ้น
สำหรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อซึ่งธนาคารจะใช้จากฐานข้อมูล Big Data เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยให้สามารถเข้าถึงสถาบันการเงินและมีบ้านเป็นของตนเองได้ นอกจากนี้ยังได้จัดทำโครงการสินเชื่อบ้านสวัสดิการแห่งรัฐสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มผู้ที่ได้รับสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มบุคลากรภาครัฐ ภายใต้กรอบวงเงิน 60,000 ล้านบาท อาทิ โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อสนับสนุนประชาชนผู้มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน ครอบคลุมถึงกลุ่มผู้ที่ได้รับสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งที่ประกอบอาชีพประจำ และอาชีพอิสระ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 2.75% ต่อปี นาน 4 ปีแรก โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ บุคลากรภาครัฐ สำหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่รับใช้ราชการ อาทิ ข้าราชการ พนักงานราชการพนักงานมหาวิทยาลัย และพนักงานรัฐวิสาหกิจ อัตราดอกเบี้ย MRR-3.75% ต่อปี หรือปัจจุบันเท่ากับ 3.00% ต่อปีนาน 4 ปีแรก เริ่ม 15 มกราคมนี้ รวมถึงการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล “โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” เฟส 2 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบเมื่อเร็วๆ นี้ โดย ธอส.พร้อมให้การสนับสนุนวงเงินสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำทั้งในรูปแบบเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและสำหรับลูกค้ารายย่อย