นอกจากความสุขที่ได้รับบ้านที่ตอบโจทย์ตามฝันแล้วเราเชื่อว่าผู้ซื้อเองก็มีความรู้สึกดีไปด้วยที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และนอกเหนือไปจากความสุข ความรู้สึกดีแล้วบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยังมีข้อดีที่สำคัญเรียกว่าเป็นมิตรทั้งกับสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรกับผู้อยู่นั่นคือ การประหยัดพลังงาน ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายหมวดค่าไฟฟ้าได้ดี เหตุที่บ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้อยู่นั่นเพราะการออกแบบที่ศึกษาสภาพแวดล้อมรอบๆที่อยู่ของเรามาเป็นอย่างดี และสามารถนำเอาธรรมชาติในมุมต่างๆ เข้ามาให้ในบ้านได้อย่างแนบเนียน อาทิการเปิดให้แสงธรรมชาติเข้าตามมุนต่างๆ ลดการเปิดไฟช่วงกลางวัน การรู้จักทิศทางลมช่วยทำให้บ้านรับลม ระบายอากาศได้ และผู้อยู่ก็เย็นสบายขึ้นโดยไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศเป็นเวลาต่อเนื่องติดกันตลอดทั้งวัน ลดการพึ่งพาเครื่องใช้ไฟฟ้า การเลือกบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไม่เพียงตอบโจทย์การรักษ์โลก แต่ยังเป็นการเลือกคุณภาพชีวิต และความยั่งยืนในระยะยาว เราลองมาสังเกตุกันค่ะว่าบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
1. เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- เลือกใช้วัสดุที่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติหรือรีไซเคิลได้ เช่น ไม้ไผ่ อิฐดินเหนียว หรือวัสดุที่ผลิตจากการรีไซเคิล
- เลือกใช้วัสดุท้องถิ่นเพื่อลดการขนส่ง และควรตรวจสอบว่ามาจากแหล่งที่ได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพ
2. ออกแบบบ้านให้ระบายอากาศและแสงธรรมชาติได้ดี
- วางแปลนบ้านเพื่อให้ลมธรรมชาติหมุนเวียนได้ดี เช่น วางประตูหน้าต่างที่ตรงกับทิศทางลม
- เพิ่มช่องแสงธรรมชาติเพื่อลดการใช้ไฟฟ้าในตอนกลางวัน
3. ใช้พลังงานทดแทน
- ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้า ลดการพึ่งพาพลังงานจากแหล่งที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
- ใช้ระบบหมุนเวียนน้ำเพื่อลดการสิ้นเปลืองน้ำ เช่น การติดตั้งถังเก็บน้ำฝนเพื่อใช้ในการรดน้ำต้นไม้หรือเพื่อทำความสะอาด
4. การปลูกต้นไม้รอบบ้านเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ร่มรื่น
- ปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงา ช่วยลดความร้อนจากแสงแดด ซึ่งจะลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศ
- จัดสวนแนวตั้ง หรือใช้ไม้เลื้อยเพื่อช่วยกรองฝุ่นและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับอากาศ
5. ใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน
- เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดพลังงานเบอร์ 5 เพื่อช่วยลดการใช้ไฟฟ้าและค่าน้ำ
- ติดตั้งระบบเซ็นเซอร์เพื่อเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติในห้องที่ใช้งานเป็นครั้งคราว เช่น ห้องน้ำ ห้องเก็บของ เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าในเวลาที่ไม่จำเป็น
6. จัดการของเสียและรีไซเคิล
- ติดตั้งถังขยะที่แยกประเภทในบ้าน และทิ้งขยะโดยการแยกประเภทเพื่อส่งเสริมการรีไซเคิล
- ใช้ของเหลือใช้หรือวัสดุรีไซเคิลในการตกแต่งบ้าน เช่น ใช้ไม้เก่ามาทำเฟอร์นิเจอร์
การออกแบบบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อธรรมชาติ แต่ยังสามารถช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วย การมีบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะทำให้เราได้ใช้ชีวิตไปอย่างมีคุณภาพ เพียงแค่คุณเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเล็กๆ ก็ทำให้คุณภาพชีวิตของคุณและคนที่คุณรักดีขึ้นอย่างแน่นอน