นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปี 2565 (ม.ค.-มิ.ย.) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในไทย จำนวน 284 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 106 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 178 ราย มีเม็ดเงินลงทุนรวม 69,949 ล้านบาท จ้างงานคนไทยกว่า 3,164 คน โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 71 ราย เงินลงทุน 26,237 ล้านบาท สิงคโปร์ 51 ราย เงินลงทุน 10,478 ล้านบาท และ สหรัฐฯ 35 ราย เงินลงทุน 2,899 ล้านบาท เงินลงทุนรวม 39,614 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ อาทิ บริการให้ใช้แพลตฟอร์มแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ สำหรับการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า รวมทั้งสำหรับการสั่งซื้อสินค้าและบริการ บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Electric Vehicle Charging Station) สำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การให้คำปรึกษาเชิงเทคนิคแบบครบวงจรในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ การช่วยเหลือด้านการออกแบบ การพัฒนา และทดสอบระบบ เป็นต้น บริการขุดเจาะปิโตรเลียม ภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย
คาดว่าอีก 6 เดือนที่เหลือ (ก.ค. – ธ.ค.) ของปี 2565 จะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจโดยผ่อนคลายการเปิดประเทศ และเพิ่มการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมให้เศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
นายสินิตย์ กล่าวว่า ส่วนการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ของนักลงทุนต่างชาติ 6 เดือนแรก (ม.ค. – มิ.ย.) ปี 2565 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 55 ราย คิดเป็น19% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมดใน 6 เดือนนี้ โดยมีเงินลงทุนในพื้นที่ EEC กว่า 29,461 ล้านบาท คิดเป็น 42% ของเงินลงทุนทั้งหมด ทั้งนี้ เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 24 ราย เงินลงทุน 18,480 ล้านบาท สิงคโปร์ 6 ราย เงินลงทุน 1,792 ล้านบาท และ สหรัฐอเมริกา 4 ราย เงินลงทุน 996 ล้านบาท
ธุรกิจที่ลงทุน อาทิ บริการตรวจสอบและวิเคราะห์สภาพการทำงานของเครื่องจักรชนิดหมุน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Services) ด้วยระบบคลาวด์ (Cloud) และเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ (Sensor Technology) บริการประกอบและติดตั้งชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ บริการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนสำหรับอุปกรณ์โทรคมนาคม เป็นต้น
ทั้งนี้ เฉพาะเดือนมิ.ย.2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติ 47 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แบ่งเป็น ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 16 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 31 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 14,872 ล้านบาท เกิดการจ้างงานคนไทยกว่า 142 คน ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านวิศวกรรม องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมการทำงาน การดูแลรักษาเครื่องจักร และระบบควบคุมการผลิตเม็ดโพลีเอสเตอร์ องค์ความรู้เกี่ยวกับวิธีการจัดเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในห้องเย็นภายใต้อุณหภูมิที่เหมาะสม และองค์ความรู้เกี่ยวกับการสร้างแบบจำลองสถาปัตยกรรม 3 มิติ เป็นต้น
ธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่ บริการออกแบบด้านวิศวกรรม จัดหา ก่อสร้าง ติดตั้ง และทดสอบเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำยางอะคริลิก บริการออกแบบสร้างภาพกราฟิก และสร้างแบบจำลอง 3 มิติ สำหรับใช้ในการตกแต่งแบบจำลองภายนอกและภายในอาคาร บริการเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Services) ประเภทย่อยบริการระบบซอฟต์แวร์ฐาน ซึ่งเป็นการให้บริการแพลตฟอร์ม สำหรับการทำ Digital Marketing ระหว่างเจ้าของสินค้า/ร้านค้า บริการวิจัย พัฒนา ติดตั้ง ปรับปรุง และบำรุงรักษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ เป็นต้น
💬 ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/business/1017220
Sun Gateway, ซัน เกทเวย์, บริษัท ซัน เกทเวย์ จํากัด, สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างประเทศ, สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างแดน, สินเชื่อบ้านคนไทยในต่างแดน, สินเชื่อบ้านคนไทยในต่างแดน, สินเชื่อต่างแดน, ธอส สินเชื่อคนไทยในต่างประเทศ, สินเชื่อ ธอส เพื่อคนไทยในต่างประเทศ, โครงการบ้าน ธอส