ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 (มกราคม – สิงหาคม 2557)มีการเปิดตัวโครงการใหม่ถึง 272 โครงการ เฉลี่ยเดือนละ 34 โครงการ รวม 77,626 หน่วย มูลค่า 235,515 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 3.034 ล้านบาท หากประมาณการทั้งปี 2557 น่าจะมีหน่วยขายเปิดใหม่ 105,571 หน่วย รวมมูลค่า 320,300 ล้านบาท หรือหน่วยละ 3.028 ล้านบาท
![](http://www.area.co.th/images/img_press/Project-Value_areapress159-2557.png)
เมื่อเทียบกับปี 2556 ที่มีหน่วยเปิดใหม่ 131,645 หน่วย ที่มูลค่า 385,447 ล้านบาท จะพบว่าในปี 2557 ทั้งปีนี้ จะมีหน่วยขายเปิดลดลงประมาณ 20% และมูลค่าการพัฒนาลดลงประมาณ 17% ซึ่งถือว่าดีกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ณ กลางปี 2557 ที่คาดว่าตลอดปี 2557 นี้หน่วยขายเปิดใหม่ จะลดลงประมาณ 24% และมูลค่าการพัฒนาลดลงประมาณ 28% แสดงว่าสถานการณ์หลังความวุ่นวายทางการเมืองในครึ่งหลังปี 2557 ดีชึ้นกว่าครึ่งปีแรก
อย่างไรก็ตามปี 2558 อาจเป็นปีที่พึงระวังมากกว่าจะเป็นปีทอง เพราะที่ว่ารถไฟฟ้าจะแล้วเสร็จหลายสาย ก็ไม่ใช่ความจริง รถไฟฟ้า 3 สายจะเสร็จในปี 2560 ที่ผ่านมา บางสายเสร็จแล้วก็กลับไม่มีรถวิ่ง ปล่อยไว้เฉยๆ อันนับเป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่าไม่น่าให้อภัย ว่วนประเทศที่จะได้ประโยชน์จากการเปิด AEC ก็คืออินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เพราะมีการเมืองที่มีวุฒิภาวะ ไม่ไมีรัฐประหาร
สำหรับในเดือนกันยายนภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีการเปิดตัวใหม่ค่อนข้างคึกคัก เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ในเดือนนี้มีจำนวนโครงการเปิดขายใหม่ทั้งหมด 37 โครงการ เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา 4 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายเพิ่มขึ้น 27% และมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้น 16% เนื่องจากมีสินค้าประเภทอาคารชุดและบ้านเดี่ยวราคาปานกลางเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ลักษณะการพัฒนาเป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัยทั้งหมด 37 โครงการ โดยในเดือนนี้มีจำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด 10,666 หน่วย มีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 32,700 ล้านบาท
ประเภทที่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุดในเดือนนี้ ยังคงเป็นอาคารชุดอีกเช่นเดิม แต่มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนหน่วยเปิดขาย 6,903 หน่วย (64.7%) รองลงมาคือ ทาวน์เฮ้าส์ 1,679 หน่วย (15.7%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว 1,541 หน่วย (14.4%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด ซึ่งเมื่อเทียบจำนวนหน่วยขายกับเดือนที่ผ่านมา จะพบว่าจำนวนหน่วยขายของที่อยู่อาศัยหลัก ได้แก่ บ้านเดี่ยว และอาคารชุดมีหน่วยขายเพิ่มขึ้น ส่วนทาวน์เฮ้าส์มีหน่วยขายลดลง โดยอาคารชุดซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่มีหน่วยขายเพิ่มขึ้น 3,449 หน่วย (100%) และบ้านเดี่ยวมีหน่วยขายเพิ่มขึ้น 374 หน่วย (32%) แต่ทาวน์เฮ้าส์ลดลง -1,250 หน่วย (-42%) เนื่องจากเดือนนี้
อาคารชุดที่เปิดใหม่ส่วนใหญ่เป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งทำเลที่มีการเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่ สำหรับบ้านเดี่ยวจะตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่รอบนอกและพื้นที่เขตติดต่อเมือง เช่น ถนนลำลูกกา ถนนหทัยราษฎร์ ถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนเลียบวงแหวนด้านใต้ เป็นต้น และทาวน์เฮ้าส์ส่วนใหญ่จะกระจายอยู่ในเขตพื้นที่รอบนอก เช่น ถนนโรจนะ ถนนบางนา ถนนเทพารักษ์ ถนนบางกรวย-ไทรน้อย เป็นต้น ส่วนอาคารชุดจะเปิดขายในเขตกรุงเทพชั้นกลาง โดยเฉพาะตามแนวส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าเป็นสำคัญ เช่น ถนนประชาราษฎร์ ถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนตากสิน-ท่าพระ ถนนเพชรเกษม เป็นต้น
เมื่อพิจารณาอัตราการขายได้ จะพบว่าในเดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยสูงถึง 37% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 29% ต่อเดือน โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราการขายได้มากสุดอันดับ 1 คืออาคารชุดระดับราคา 10.001-20.000 ล้านบาท จำนวน 106 หน่วย ขายได้แล้ว 101 หน่วย (95%) รองลงคือ อาคารชุดระดับราคา 5.001-10.000 ล้านบาท จำนวน 355 หน่วย ขายได้แล้ว 294 หน่วย (83%) และอันดับ 3 คือ อาคารชุดระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท จำนวน 851 หน่วย ขายได้แล้ว 506 หน่วย (59%)
เมื่อพิจารณาอัตราการขายได้ จะพบว่าในเดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยสูงถึง 37% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 29% ต่อเดือน โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราการขายได้มากสุดอันดับ 1 คืออาคารชุดระดับราคา 10.001-20.000 ล้านบาท จำนวน 106 หน่วย ขายได้แล้ว 101 หน่วย (95%) รองลงคือ อาคารชุดระดับราคา 5.001-10.000 ล้านบาท จำนวน 355 หน่วย ขายได้แล้ว 294 หน่วย (83%) และอันดับ 3 คือ อาคารชุดระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท จำนวน 851 หน่วย ขายได้แล้ว 506 หน่วย (59%)
โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย
cr: area.co.th