ผลวิจัยใหม่ชี้ WiFi เป็นอันตรายต่อเด็กมากกว่าผู้ใหญ่

ผลวิจัยใหม่ชี้ WiFi เป็นอันตรายต่อเด็กมากกว่าผู้ใหญ่

ผลวิจัยใหม่จากการอนามัยโลก ชี้ ไวไฟ เป็นอันตรายต่อเด็ก ๆ และวัยรุ่น เหตุดูดซับการแผ่รังสีไมโครเวฟได้มากกว่าผู้ใหญ่เพราะกะโหลกบางกว่า

ผลงานวิจัยชิ้นใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร ไมโครสโคปี แอนด์ อัลตราสตรัคเจอร์ ชื่อ “ทำไมเด็ก ๆ จึงดูดซับการแผ่รังสีไมโครเวฟมากกว่าผู้ใหญ่” ใช้การสำรวจวิจัยงานศึกษาวิจัยเชิงวิเคราะห์ผลกระทบจากสัญญาณไมโครเวฟจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้ข้อสรุปว่า เด็ก ๆ และวัยรุ่นมีความเสี่ยงในระดับ “ค่อนข้างมาก” จากการได้รับสัญญาณไมโครเวฟที่กระจายอยู่โดยรอบตัวอุปกรณ์เข้าไปมากกว่าความเสี่ยงของผู้ใหญ่ที่เสี่ยงอันตรายในระดับต่ำกว่าแต่ยังคงเป็นระดับความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญต่อสุขภาพ

งานวิจัยชิ้นดังกล่าวระบุเอาไว้ว่า องค์การระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยมะเร็ง (ไออาร์ไอซี) ที่เป็นส่วนหนึ่งขององค์การอนามัยโลก ในสังกัดสหประชาชาติ ได้จัดให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากคลื่นวิทยุ (อาร์เอฟ/อีเอ็มเอฟ) เป็นหนึ่งใน 250 สาร หรือตัวการที่มีฤทธิ์ก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์ (คลาส 2บี คาร์ซิโนเจน) ทั้งนี้แหล่งที่มาหลักของอาร์เอฟ/อีเอมเอฟ ดังกล่าวนี้คือ วิทยุ, โทรทัศน์, เตาไมโครเวฟ, โทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์ไวไฟทั้งหลาย

โดยในงานสำรวจวิจัยดังกล่าว ได้ยกตัวอย่างงานวิจัยหลาย ๆ ชิ้นที่แสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่างการได้รับคลื่น อาร์เอฟ/อีเอ็มเอฟ กับมะเร็งหลายชนิด ซึ่งส่งผลให้จำนวนสเปิร์มลดลง และการทำงานผิดปกติของร่างกายอีกหลายอย่าง อย่างไรก็ตาม งานวิจัยใหม่นี้ระบุไว้ชัดเจนว่าผลการศึกษาวิจัยที่นำมาเป็นตัวอย่างนั้นเป็นการศึกษาวิจัยที่อยู่ในสภาวะแวดล้อมจำเพาะในการวิจัยและเป็นการพิเคราะห์ผลจากกลุ่มตัวอย่างจำเพาะกลุ่มเท่านั้น พร้อมกับตั้งข้อสังเกตไว้ด้วยว่าการได้รับการแผ่รังสีคลื่นวิทยุไมโครเวฟที่จะก่อให้เกิดมะเร็งได้นั้นต้องใช้เวลาเกินกว่า 30 ปีขึ้นไป ทำให้ยากที่จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนได้

จากผลการวิจัยสรุปผลได้ว่า เด็ก ๆ ดูดซับปริมาณการแผ่รังสีไมโครเวฟได้มากกว่าผู้ใหญ่ ยิ่งเป็นทารกในครรภ์ยิ่งอ่อนไหวต่อคลื่นไมโครเวฟมากกว่าเด็ก ๆ ดังนั้น สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกในท้องได้สัมผัสกับการแผ่รังสีไมโครเวฟ เพราะเด็ก ๆ และทารกในครรภ์ดูดซับการแผ่รังสีไมโครเวฟได้มากกว่า เนื่องจากขนาดของร่างกายเล็กกว่าผู้ใหญ่ กะโหลกบางกว่ากะโหลกศีรษะของผู้ใหญ่ และเนื้อเยื่อสมองของเด็กและทารกมีขีดความสามารถในการดูดซับได้สูงกว่าผู้ใหญ่

ส่วนวัยรุ่นที่เป็นผู้หญิง และผู้หญิงทั่วไปไม่ควรเก็บมือถือไว้ในบราเซีย หรือภายในชุดฮิญาบและย้ำว่าอุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย (ไวไฟ) ต่าง ๆ รวมถึงอุปกรณ์ที่ส่งสัญญาณวิทยุ ไม่ใช่ของเล่นที่เหมาะสมสำหรับเด็ก ของเล่นใด ๆ ที่มีคุณสมบัติดังกล่าวนี้ควรได้รับการติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด

ผู้วิจัยชี้ว่า ในคู่มือของโทรศัพท์เคลื่อนจะมีคำเตือนเกี่ยวกับเรื่องการสัมผัสการแผ่รังสีนี้ไว้อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับที่คำเตือนของรัฐบาลที่มีออกมาอย่างเป็นทางการในเรื่องเดียวกันนี้ แต่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่กลับไม่รู้เรื่องคำเตือนดังกล่าว

สุดท้าย ผู้วิจัยเชื่อว่าคำเตือนเรื่องการจำกัดการสัมผัสหรือได้รับการแผ่รังสีไมโครเวฟที่มีอยู่ในเวลานี้ยังไม่เพียงพอและจำเป็นต้องมีการทบทวนเสียใหม่ และควรเปิดให้มีการถกเถียง เพื่อศึกษาการแยกระดับความปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่ออกจากระดับความปลอดภัยของเด็ก ๆ เนื่องจากระดับจำกัดการสัมผัสที่ใช้กันอยู่ในเวลานี้ไม่มีการปรับปรุงมานานถึง 19 ปีแล้ว