อังคณา โชว์ผลงาน 2 ปี 8 เดือน นำ ธอส.มุ่งสู่ธนาคารเพื่อประชาชนรายได้น้อยและปานกลาง มั่น ใจทำงานเป็น ทีม นำองค์กรสู่ความสำเร็จ ลุ้นมาตรการรัฐกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มวงเงิน 20,000 ล้านบาท
นางอังคณา ปิลันธน์โอวาท ไชยมนัส อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ให้สัมภาษณ์ ทีมเศรษฐกิจ อย่างเปิดใจเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะอำลาตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธอส.เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารตลอดระยะเวลา 2 ปี 8 เดือน ตั้งแต่เข้ามานั่งบริหารงาน (เม.ย.56-พ.ย.58) ได้ยึดแนวคิดภายใต้ ธอส.บริการด้วยหัวใจ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าและประชาชน
ส่งผลให้กิจการของ ธอส.ในช่วงที่ผ่านมา สามารถบรรลุเป้าหมายที่กระทรวงการคลังมอบหมายได้เป็นอย่างดี โดยปล่อยสินเชื่อใหม่สะสมได้ถึง 350,116 ล้านบาท และมีกำไรสะสม 21,679 ล้านบาท ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างของธนาคารอยู่ที่ 124,426 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.45% ส่วนทางด้านเงินฝากเพิ่มขึ้น 128,880 ล้านบาท หรือ 22.05%
ผลการดำเนินงานของธนาคารดีขึ้นทุกด้านทั้งด้านสินเชื่อและเงินฝาก ส่งผลให้ยอดสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นถึง 17.89% มาอยู่ที่ 134,684 ล้านบาท
และที่สำคัญคือ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ที่เคยพุ่งขึ้นแตะ 55,000 ล้านบาท หรือ 7.80% เมื่อปี 2556 จนมาถึงวันนี้ ยอดเอ็นพีแอลลดลงมาอยู่ที่ระดับ 45,469 ล้านบาท หรือ 5.43% ซึ่งเท่ากับสามารถแก้ไขหนี้ให้ลดลงไปได้ถึง 10,186 ล้านบาท หรือ 2.37% และยังช่วยเหลือประชาชนให้มีบ้านเป็นของตนเองได้มากกว่า 3 ล้านครัวเรือน
การทำงานของ ธอส.ตลอดช่วงระยะช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ตนได้กล่าวย้ำกับพนักงานเสมอว่าต้องทำงานเป็นทีม นางอังคณากล่าว และกล่าวว่า ผู้นำขององค์กรไม่สามารถทำงานได้ทุกอย่างและรู้ทุกๆ เรื่อง แต่หากเราทำงานเป็นทีมเดียวได้แล้ว องค์กรก็จะสามารถฟันฝ่าทุกอุปสรรคไปได้
ดังนั้น การทำงานเป็นทีม จึงเป็นหัวใจที่นำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ นางอังคณากล่าวและย้ำว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 108,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 5,002 ล้านบาท หรือ 4.84%
และเมื่อสิ้นสุดไตรมาส 3 ของปีนี้ ธอส.มีสินทรัพย์รวม 887,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.59% ยอดเงินฝากพุ่งแตะ 713,585 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.38% มีกำไรสุทธิ 6,979 ล้านบาท และคาดว่า ตลอดทั้งปีนี้ ธอส.จะมีกำไรไม่น้อยกว่า 8,000 ล้านบาท โดยเอ็นพีแอลในไตรมาส 3 ที่ระดับ 5.43% ก็ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ที่มีเอ็นพีแอล 5.99%
ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง หรือ BIS Ratio ที่ระดับ 16.06% นั้น จัดว่า ธอส.เป็นธนาคารที่มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และยังสูงกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดเอาไว้ที่ 8.50% แสดงให้เห็นถึงฐานะการเงินที่ดีมาก แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศในปีนี้จะชะลอตัวก็ตาม แต่เราก็ยังมีความคาดหวังลึกๆ ว่า ยอดการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ จะสามารถปล่อยกู้ได้ถึง 149,000 ล้านบาท
ส่วนมาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง วงเงิน 10,000 ล้านบาทนั้น ล่าสุด มีประชาชนเข้าร่วมโครงการมากกว่า 7,000 คน และความต้องการสินเชื่อทะลุ 10,000 ล้านบาทไปแล้วนั้น ธอส.ก็ยังเปิดรับคำขอสินเชื่อต่อไปจนกว่าจะมีการทำนิติกรรมสัญญาเงินกู้กับ ธอส.จนครบวงเงิน 10,000 ล้านบาท แต่หากวงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาทไม่เพียงพอ ธอส.ก็สามารถเพิ่มวงเงินได้อีก 10,000 ล้านบาท รวมเป็น 20,000 ล้านบาทได้ทันที ที่คณะกรรมการธนาคาร (บอร์ด) อนุมัติ
ดังนั้น ประชาชนที่ต้องการมีบ้านก็ยังมีโอกาสที่จะใช้สินเชื่อของ ธอส.เพราะเป้าหมายของเราไม่ได้อยู่ที่กำไร ก็เพราะว่า ภารกิจหลักคือ การสนับสนุนให้คนมีบ้านเป็นของตนเอง อดีตกรรมการผู้จัดการ ธอส.กล่าวในที่สุด.