นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.ได้ดำเนินงานในเชิงรุกโดยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลทั้งกรมธนารักษ์ การเคหะแห่งชาติและภาคเอกชน ผ่านสมาคมอสังหาริมทรัพย์เพื่ออำนวยความสะดวกในการปล่อยสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัยที่พักของแรงงานที่จะเข้าไปทำงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ เพราะเชื่อว่าหลังจากที่รัฐบาลได้เร่งพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษโดยเฉพาะในจังหวัดที่มีการค้าชายแดนเติบโตต่อเนื่องมีส่วนช่วยหนุนให้อสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าวเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วย อนาคตธอส.จะมีโครงการร่วมมือกับการเคหะฯในการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อตอบสนองความต้องการในพื้นที่เหล่านี้
“ทั้งนี้เชื่อว่า นโยบายของรัฐบาลที่จะพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษ 6 จังหวัด ทั้ง ตาก มุกดาหาร หนองคายสระแก้ว ตราด และ สงขลา โดยพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดที่ประกาศแล้วนั้นกำลังเริ่มเตรียมการพัฒนาพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐานรองรับก่อนจะเริ่มโครงการปี 61 ซึ่งจะทำให้พื้นที่เศรษฐกิจพิเศษมีความเจริญอีกทั้งเห็นได้ว่าที่ผ่านมามีเอกชนเริ่มเข้าไปพัฒนาและลงทุนมากขึ้นแล้วเชื่อว่าจะช่วยทำให้ทิศทางเศรษฐกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด”
สำหรับ มาตรการกระตุ้นอสังหาฯของภาครัฐที่ให้ธอส.ผ่อนปรนเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อแก่ผู้มีรายได้ปานกลางถึงน้อยนั้น จนถึงขณะนี้มีประชาชนมายื่นขอสินเชื่อรวมกว่า 16,000 ล้านบาทแล้วและได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เชื่อว่าวงเงินหมื่นล้านบาทแรกนั้นจะปล่อยได้ครบภายในเดือนม.ค. 59 ส่วนความต้องการสินเชื่ออีกหมื่นล้านหลังนั้น ธอส. จะประเมินและพิจารณาให้ตามแนวทางที่คณะกรรมการธอส.อนุมัติให้มาแล้วพร้อมกันนี้ประเมินว่าภาพรวมอสังหาฯ ปี 59จะคึกคักมากขึ้นเพราะธนาคารพาณิชย์ก็ลงมาร่วมปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์กล่าวว่า จังหวัดตากทั้ง 3 อำเภอ คือ แม่สอด แม่ระมาด และพบพระมีความพร้อมที่จะพัฒนาได้เร็วกว่าพื้นที่อื่นเพราะเป็นระยะแรกที่รัฐพัฒนาเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจคาดว่าจะมีผลทำให้ที่ดินราคาสูงขึ้นซึ่งได้สำรวจล่าสุดพบว่าที่ดินราคาเพิ่มขึ้นจากไร่ละ12 ล้านบาทเป็น 20 ล้านบาทจาก 5-6 ปีก่อนราคาเพียง 3-5 ล้านบาท อย่างไรก็ดีราคาประเมินที่ดินระหว่างปี 59-62 พบว่าในจังหวัดที่มีเขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น ตาก จะมีราคาประเมินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 42.65% รองลงมาคือ มุกดาหาร เพิ่มขึ้น 38.12% และหนองคาย เพิ่มขึ้น 37.71%.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์