แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์รมว.คลัง ได้มอบหมายให้กระทรวงการการคลังไปหารือกับธนาคารออมสิน เพื่อปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปปล่อยกู้ให้กับผู้มีรายได้น้อยซื้อที่อยู่อาศัยราคาถูก(บ้านประชารัฐ) ซึ่งจะเปิดตัวโครงการประมาณเดือน มี.ค. นี้
แหล่งข่าวกล่าวว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เห็นว่า ธนาคารออมสินควรปล่อยกู้ให้กับ ธอส. ในอัตราดอกเบี้ย 2% เท่ากับต้นทุนการเงินของธนาคารออมสิน ทำให้การปล่อยกู้ของธนาคาร ออมสินไม่ต้องขอชดเชยเงินจากงบประมาณ แต่ทางธนาคารออมสินจะคิดอัตราดอกเบี้ย 2.9% ซึ่งกระทรวงการคลังเห็นว่าเป็นอัตราที่สูงเกินไป เพราะจะทำให้ ธอส. ไปปล่อยกู้ให้กับผู้กู้บ้านในอัตราที่สูง ทำให้ผู้กู้มีปัญหาผ่อนชำระได้
อย่างไรก็ตาม นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ยังไม่ได้หารือเป็นทางการกับกระทรวงการคลัง หรือ ธอส. อย่างเป็นทางการ แต่การคิดอัตราดอกเบี้ย 2.9% เป็นระดับเดียวกับที่ธนาคารออมสินปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับธนาคารพาณิชย์เพื่อไปปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท
“ยังไม่ได้มีการต่อรองเรื่องเงินกู้ 5 หมื่นล้านบาท ให้ ธอส. ไปปล่อยกู้บ้านประชารัฐอย่างเป็นทางการ เรื่องวงเงินไม่มีปัญหา แต่อัตราดอกเบี้ยยังไม่มีข้อสรุป” นายชาติชาย กล่าว
ด้านนายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ได้หารือกับนายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ประธานธนาคารออมสิน ให้ช่วยพิจารณาปล่อยกู้ให้กับ ธอส. ในอัตราดอกเบี้ย 2% เพื่อที่ ธอส. จะได้มาปล่อยกู้โครงการบ้านประชารัฐในอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% เป็นเวลา 30 ปี ในการซื้อบ้านราคาประมาณไม่เกิน 6 แสนบาท เพื่อจะไปผ่อนชำระเดือนละ 3,000 บาท ซึ่งนายกุลิศ รับปากว่าจะนำเรื่องนี้หารือกับกระทรวงการคลัง และขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการต่อไป
นายสุรชัยกล่าวอีกว่า จากการหารือกับผู้บริหารของ ธอส. ยืนยันว่าหากได้เงินกู้จากธนาคารออมสิน 2% ธนาคารสามารถปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ย 3% โดยที่ธนาคารไม่ต้องขอชดเชยจากรัฐบาล ส่วนธนาคารออมสินจะขอชดเชยจากรัฐบาลหรือไม่ เป็นเรื่องที่ธนาคารออมสินต้องเจรจากับกระทรวงการคลัง เพราะเงินกู้เป็นระยะยาว 30 ปี
ทั้งนี้ ประมาณเดือนมีนาคม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเปิดตัวโครงการบ้านประชารัฐเฟสแรก โดย ธอส. ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) จะนำที่อยู่อาศัยที่เป็นทรัพย์สินรอการค้ามาขายให้กับผู้มีรายได้ และอีกส่วนหนึ่ง จะมีเอกชนที่นำที่อยู่อาศัยไม่เกิน 1 ล้านบาท มาเข้าร่วมโครงการนี้ด้วย รวมเฟสแรกของบ้านประชารัฐจะมีจำนวน 1,500 ยูนิต