เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เห็นชอบให้ปรับระบบและมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยด้านพลังงาน หรือมาตรการค่าไฟฟ้าฟรี และโครงการบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาขายปลีกแอลพีจีภาคครัวเรือน ให้ดำเนินการผ่านระบบบัตรสวัสดิการตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 หรือโครงการลงทะเบียนคนจน ของกระทรวงการคลังแทน เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป
รัฐเคาะแล้ว ให้ค่าไฟ 200 บาท ค่าแก็ส 45 บาท
หลังจากที่กระทรวงพลังงานหารือกับกรมบัญชีกลาง ได้มีมติให้ผู้ที่มีรายได้น้อยตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาท/ปี ได้รับเงินอุดหนุนค่าไฟฟ้าเป็นเงิน 200 บาท/คน/เดือน จากเดิมที่กำหนดเป็นมาตรการใช้ไฟฟ้าฟรีสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย/เดือน และอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) สำหรับผู้มีรายได้น้อยตามหลักเกณฑ์ในระบบบัตรสวัสดิการดังกล่าวเป็นเงิน 45 บาท/คน/3 เดือน จากเดิมที่กำหนดให้ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยซึ่งใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วย/เดือน ตามที่ใช้จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 18.13 กิโลกรัม/คน/3 เดือน
เริ่ม 1 ต.ค. ช่วยคนจน 14 ล้านคน
หลักเกณฑ์ใหม่ดังกล่าว จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป คาดว่าจะช่วยขยายฐานให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงสวัสดิการของรัฐถึง 14 ล้านคน จากเดิมที่มีผู้มีรายได้น้อยที่เข้าข่ายได้รับสิทธิ์ 7 ล้านคน แต่มาลงทะเบียนในระบบบัตรสวัสดิการเพียง 1 แสนกว่าคน และมาใช้สิทธิ์จริง 40,000 คนเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมารัฐต้องอุดหนุนราคาแอลพีจีให้ผู้มีรายได้น้อยคิดเป็นเงิน 1.13 ล้านบาท/เดือน โดยใช้งบประมาณจากกองทุนน้ำมัน ทั้งนี้ต่อไปจะใช้เงินจากงบประมาณของประเทศแทนทั้งหมด
ปรับเกณฑ์ช่วยค่าแก็สร้านค้า หาบเร่ แผงลอย
ในส่วนของแนวทางอุดหนุนราคาแอลพีจีเพื่อช่วยเหลือร้านค้า หาบเร่ แผงลอย ขนาดพื้นที่ร้านไม่เกิน 50 ตารางเมตร ซึ่งที่ผ่านมามีผู้มาลงทะเบียนรับสวัสดิการของรัฐจำนวน 3.8 แสนคน แต่มีผู้ใช้สิทธิ์เพียง 1.2 แสนคน คิดเป็นเงินอุดหนุน 27 ล้านบาท/เดือน ที่ราคา 18.13 บาท/กิโลกรัม โดยใช้งบประมาณจากกองทุนน้ำมันเช่นเดียวกัน ทางกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลัง จะไปทบทวนว่าจะช่วยเหลือต่อหรือไม่ และกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ เพื่อไม่ให้ต้นทุนค่าแก็สส่งผลมายังผู้บริโภค โดยเบื้องต้นอาจจะมีการควบคุมราคาอาหารต่อจานเพื่อไม่ให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบ ทั้งนี้หากร้านค้า หาบเร่ แผงลอย ที่ได้รับการช่วยเหลือไม่มีการควบคุมราคาอาหาร จะมีการทบทวนสิทธิ์หรือปรับลดแนวทางการช่วยเหลือ ซึ่งต้องรอข้อสรุปชัดเจนต่อไป
จับตาประกาศลอยตัวก๊าซแอลพีจี กระทบประชาชน?
สำหรับประเด็นเรื่องการลอยตัวก๊าซแอลพีจี ซึ่งมีการประกาศใช้ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทาง กรมธุรกิจพลังงานยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค เนื่องจากเป็นการปรับราคาให้สอดคล้องกับกลไกตลาดเช่นเดียวกับราคาน้ำมัน โดยปัจจุบันพบว่า การใช้แอลพีจีในภาคขนส่ง อยู่ที่ 1.3 แสนตัน/เดือน ภาคครัวเรือน 1.5-1.7 แสนตัน/เดือน และภาคอุตสาหกรรม 7,000 ตัน/เดือน
ส่วนแนวโน้มราคาแอลพีจีในตลาดโลกช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบัน อยู่ที่ 20.29 บาท/กิโลกรัม แม้ราคาตลาดโลกเดือนสิงหาคมจะปรับเพิ่มขึ้น 85 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ 440 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน อย่างไรก็ตาม หากราคาแอลพีจีตลาดโลกปรับสูงขึ้นผิดปกติ กรมธุรกิจพลังงาน ก็มีมาตรการดูแล ด้วยการนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง บัญชีแอลพีจีเข้าไปดูแล