ตลาดบ้านพักตากอากาศลักซ์ชัวรีมาแรง ไทย-ต่างชาติแห่ลงทุน

ตลาดบ้านพักตากอากาศลักซ์ชัวรีมาแรง ไทย-ต่างชาติแห่ลงทุน

#สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างประเทศ #อยู่ต่างประเทศซื้อบ้านในไทย #สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างแดน #อยู่ต่างประเทศอยากซื้อบ้านในไทย
บ้านพักตากอากาศระดับลักซ์ชัวรี ทำเลเมืองท่องเที่ยว ภาคใต้และภาคตะวันออกได้รับความนิยมทั้งซื้ออยู่เองและลงทุน เนื่องจากกำลังซื้อไม่กระทบจากภาวะเศรษฐกิจ การันตีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า 8-15% ต่อปี แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบปักหมุดพัฒนาโครงการโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมตามการขยายตัวของรถไฟฟ้า ดังจะเห็นได้จากจำนวนตัวเลขเปิดตัวโครงการใหม่ย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2559-2561 ที่มีถึง 30,000 ยูนิต สวนทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดที่ซบเซา
แต่ล่าสุดพบว่าบ้านพักตากอากาศเริ่มกลับมาคึกคัก โดยเฉพาะบ้านพักตากอากาศระดับลักซ์ชัวรี ทำเลจังหวัดภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ขึ้นแท่นทำเลเด่น ด้านหัวหิน ชะอำ ปราณบุรี รับอานิสงส์โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาค
ตะวันออก หรือ EEC ดันนักลงทุนไทย-ต่างชาติแห่ซื้อ
ตลอด 3 ปี ที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ อัดแน่นใจกลางเมือง
ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางกรุงเทพฯ เป็นหลัก จากข้อมูลแผนกวิจัยซีบีอาร์อีพบว่า มีคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวใหม่ในย่านใจกลางกรุงเทพมหานคร ราว 30,000 ยูนิต ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2559-2561)
ความท้าทายสำหรับตลาดบ้านและคอนโดมิเนียมคือต้นทุนที่ดินและราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก รวมทั้งยังพบอีกว่าในตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี ในช่วงหลังผู้ซื้อเป็นชาวไทยกว่า 70% เน้นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงหรือเพื่อการลงทุนในระยะยาว มากกว่าการซื้อเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น ขณะที่ตลาดที่พักอาศัยที่มีราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท จะมีสัดส่วนผู้ซื้อเป็นชาวต่างชาติสูงถึงกว่า 40%
บ้านพักตากอากาศกลับมาบูม น่าอยู่ น่าลงทุน
จากการที่ผู้ประกอบการมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยในกรุงเทพมหานครเป็นหลัก ทำให้การพัฒนาโครงการที่พักอาศัยเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด โดยเฉพาะตลาดไฮเอนด์มีสัดส่วนที่ลดลง ทั้งในพัทยา หัวหิน เชียงใหม่ เขาใหญ่ และภูเก็ต จึงทำให้เกิดการสะสมของอุปทาน ซึ่งตลาดมีความต้องการที่พักอาศัยเพื่อการพักผ่อน แต่ไม่มีโครงการใหม่เปิดตัวมากเท่าที่ควร
ล่าสุด ในปี 2562 มีผู้ที่กำลังมองหาบ้านพักตากอากาศในแหล่งพักผ่อนตากอากาศชั้นนำ และพร้อมที่จะตัดสินใจซื้อเพื่อใช้พักอาศัยเองหรือลงทุนในระยะยาว ถึงแม้ว่าจะมีราคาขายที่สูงขึ้นกว่าเมื่อก่อน แต่หากพบว่าเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลชั้นดีที่หาได้ยาก เช่น มีทำเลติดชายหาดหรือเห็นวิวทะเล เป็นโครงการที่มีแบรนด์โรงแรมชั้นนำมาบริหารจัดการอาคาร หรือมีการรับประกันผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าที่น่าสนใจให้แก่นักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรีและซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี พบว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อ
ภูเก็ตทำเลเด่น บ้านพักตากอากาศลักซ์ชัวรี ชูจุดขายไหล่เขา-วิวทะเล
จากข้อมูลฝ่ายวิจัยควอลิเออร์สพบว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นทำเลที่โดดเด่นที่สุดในช่วง 3 ปี (ปี 2559-2561) และมีอัตราการขายสูงที่สุด โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ กลุ่มนักธุรกิจ เศรษฐีชาวไทยและชาวต่างชาติ ผู้ที่มีชื่อเสียงในแวดวงต่าง ๆ ที่ต้องการบ้านพักตากอากาศ สำหรับพักผ่อนและซื้อเพื่อการลงทุน จุดขายโครงการระดับ 100 ล้านบาทต่อยูนิต จะตั้งอยู่ตามไหล่เขา สามารถเห็นวิวทะเลได้ 180-360 องศา ทำเลติดชายหาดส่วนตัว ทำให้บางโครงการในจังหวัดภูเก็จมีราคาขายเกิน 1,000 ล้านบาทต่อยูนิต โดยหลายโครงการมีพื้นที่ใช้สอย 1,500-3,200 ตารางเมตร เทียบกับบ้านปกติทั่วไป 10 หลังรวมกันอีกประเภทที่พบมากคือวิลล่า ทำเลที่ได้รับความนิยมรองลงมา จะตั้งอยู่ไม่ไกลจากทะเลหรือภูเขา เป็นพูลวิลล่าชั้นเดียว เน้นการออกแบบตกแต่งอย่างประณีต ราคาขาย 20-40 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความต้องการจากลูกค้าต่างชาติเพราะราคาไม่สูงเกินไป อีกทั้งยังเป็นที่นิยมของนักลงทุน ปรับราคาขึ้น 8-15% ต่อปี
เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี ทำเลรองทะเลใต้ ครองใจต่างชาติ
บนเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นอีกทำเลที่มีผู้ประกอบการสนใจพัฒนาโครงการบ้านพักตากอากาศ ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีราคาขายเริ่มต้นตั้งแต่ 20-50 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าหลัก 100% เป็นชาวอังกฤษ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส รัสเซีย ที่เข้ามาซื้อเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศและบ้านหลังที่ 2
โดยทำเลที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ หาดเชิงมน หาดเฉวง หาดบ่อผุด เนื่องจากมีแนวชายหาดที่สวยงาม ตั้งอยู่บนเขาและสามารถเห็นวิวทะเลได้ 360 องศา
หัวหิน-ชะอำ-ปราณบุรี รับอานิสงส์ EEC ดันกำลังซื้อต่างชาติ
ด้านทำเลหัวหิน ชะอำ ปราณบุรี ที่ผ่านมาอยู่ในช่วงชะลอตัว เนื่องจากราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับโครงการโซนฝั่งภูเขา กลุ่มลูกค้าเป้าหมายยังเป็นนักธุรกิจชาวไทยและยุโรป โดยเฉพาะกลุ่มสแกนดิเนเวีย สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ โซนฮอตกระจุกอยู่ในพื้นที่หัวหินฝั่งภูเขา ราคา 15-30 ล้านบาทต่อยูนิต
ทั้งนี้ หลังจากที่รัฐบาลได้มีการเดินหน้า EEC พร้อมกับออกมาตรการกระตุ้นการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะการเปิดให้นักลงทุนต่างชาติสามารถถือครองอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนที่ดินใน 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง ได้ 100% ก็ทำให้พื้นที่ 3 จังหวัดในพื้นที่ EEC ได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย กลายเป็นอีกหนึ่งเขตเศรษฐกิจพิเศษที่น่าจับตา ยกระดับสู่เมืองแห่งการลงทุนของทั้งผู้ประกอบการชาวไทยและชาวต่างชาติ
จากแผนการพัฒนาพื้นที่ EEC ทำให้ราคาที่ดินปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมามีการปรับขึ้นมากกว่า 100% คาดว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้า อาจปรับขึ้นถึง 200-300% โดยเฉพาะแปลงที่ติดทะเล เพราะความต้องการที่จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านที่อยู่อาศัยเกือบทุกเซกเมนต์ เพื่อรองรับแรงงานที่จะเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งมีตั้งแต่ระดับพนักงาน หัวหน้างาน ที่เพื่อซื้ออยู่อาศัยเอง ไปจนถึงนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
Cr.DDproperty