เสียงจากลูกค้า
บทสัมภาษณ์ คุณน้ำผึ้ง อลิน มาร์ติเนซ ลูกค้าจากประเทศ Usa
S : ทำไมถึงอยากมีบ้านในเมืองไทยคะ
C : คือเมื่อก่อนนะคะ
ด้วยความที่เราอยู่ต่างประเทศแล้วมันยากต่อการที่จะทำให้เรามีสินทรัพย์ในเมืองไทย
คือเอกสารต้องใช้เยอะแล้วก็ต้องมีที่มาที่ไปของรายได้ใช่ไหม
มันไม่มีแนวทางอะไรเลยที่จะทำให้คนไทยในต่างประเทศซื้อบ้านได้
แต่เดี่ยวนี้คือมีทางโครงการนี้เข้ามา
เค้าทำให้เราเห็นว่าเค้าทำงานร่วมกับธนาคารของรัฐแล้วมีโครงการสำหรับคนในไทยในต่างประเทศให้มีโอกาสได้มีบ้านในเมืองไทย
ด้วยขั้นตอนง่ายๆ คือพี่คิดว่าง่ายที่สุดแล้วค่ะ คือมันอาจจะดูเหมือนยุ่งยากแต่ว่าพอเราทำไปทีละขั้นตอนแล้วด้วยความที่ทางโครงการก็มีเจ้าหน้าที่แต่ละแผนกแยกๆกันไว้
เราก็ทำไปทีละขั้น ทีละขั้น จนมาถึงขั้นตอนสุดท้ายก็โล่งแล้วค่ะ
เอกสารเยอะก็จริงนะคะ แต่มันก็เป็นอะไรที่จำเป็นต้องใช้ แล้วถ้าเราค่อยๆทำไป
มันก็เสร็จค่ะ พี่คิดว่าเจ้าหน้าที่คือใจเย็นมากเลยนะคะ เพราะบางทีพี่ก็เหวี่ยงๆ
ไปบ้าง เพราะว่าเราก็ทำงานมาเหนื่อยๆ เนอะ
แล้วเวลาก็ค่อนข้างต่างกันด้วยบางทีเค้ามีคำถามมาเราก็แบบเหนื่อยนะ ก็ค่อยๆตอบไป
เจ้าหน้าที่เขาก็ใจเย็นค่อยๆอธิบายให้เราฟัง ชัดเจนค่ะ โอเคอ่ะ
ก็มองว่าการยื่นกู้ไม่ได้ยากเลยค่ะ ถ้าทำผ่านโครงการนี้
S : เรื่องค่าใช้จ่ายคิดอย่างไรบ้างคะ
C : คือเรื่องค่าใช้จ่ายเรารู้อยู่แล้ว
ว่าเราจะต้องจ่ายอะไร เท่าไหร่ เมื่อไหร่ คือทางโครงการเขาจะบอกตั้งแต่แรกเลย
เราก็ไม่ต้องมาสงสัยว่า อันนี้มาจากไหน อันนั้นมาจากไหน มาเมื่อไหร่
ไหนไม่เห็นบอกตั้งแต่แรกเลย อันนี้ไม่มีเลยค่ะ เค้าก็จะบอกเราตั้งแต่แรกเลย
แล้วก็ไม่ได้บอกเราปากเปล่าด้วยเค้าก็จะมีส่งอีเมล์มาด้วย
บางทีการที่เขาบอกปากเปล่ามาเราก็ลืมนะ แต่พอเรากลับไปอ่านเอกสาร
อ่านอีเมล์มันก็ทำให้เรานึกได้ว่า อ่อ เราคุยไว้แบบนี้ แบบนี้นะ เราก็เข้าใจ
เพราะว่าบางทีเรื่องเงินเราก็ลืมง่าย
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายก็เป็นค่าใช้จ่ายเหมือนซื้อบ้านทั่วไปแต่เพิ่มมานิดนึงคือเพื่อช่วยให้เราสะดวก
สบาย ในการจัดการเรื่องเอกสารเหมือนเรามีที่ปรึกษา
อย่างตอนที่เราคุยกับโครงการบ้านนะคะ เค้าก็จะมีคำถามโน่น นี่
มาว่าแบบกู้ได้หรือยัง ถึงขั้นตอนไหนแล้วเราก็บอกให้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเราเลย
เราก็จะไม่ดีลกับโครงการเลย คือเรามีทางโครงการนี้แล้วค่ะ
ทางโครงการช่วยจัดการให้ทุกอย่างเลย เราก็ไม่ต้องมานั่งเคลียร์ปัญหาจุกจิกเอง
S : ตอนที่ทราบผลวงเงินรู้สึกอย่างไรบ้างคะ
C : พี่ว่าได้เยอะกว่าที่คาดไว้นะ
จริงๆพี่ว่าพี่ผัดวันประกันพรุ่งไว้นะ
แต่พอทางเจ้าหน้าที่เขาสะกิดมาว่าพี่ต้องรีบนะตอนนี้ดอกเบี้ยกำลังดี
คือเราก็ไม่ได้มานั่งเช็คดอกเบี้ยนะว่าตอนนี้มันดอกเบี้ยเท่าไหร่
แต่เราอยากจะทำเมื่อเราพร้อม แล้วคือมันก็มาแมทซ์กันพอดี พี่ว่าอะไรที่จะเป็นของเรายังไงมันก็เป็นของเราล่ะค่ะ
S : ได้ไปดูบ้านมาบ้างแล้วหรือยังคะ
C : ไปดูบ้านตลอดเลยค่ะ
ยิ่งไปดูก็ยิ่งชอบ ยิ่งไปดูก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่เสียดายเลย
ไม่เสียดายค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปเลยค่ะ เพราะว่าถ้าเรารอไปอีก
หรือว่าเราทำเองเนี่ยก็คงจะไม่ได้โครงการนี้
เพราะโครงการนี้ก็ค่อนข้างเป็นที่นิยมด้วย แล้วก็ราคาค่อนข้างสูงด้วย วงเงินที่ได้ก็สูง
ก็คือบ้านก็ไม่ใช่แค่ล้านนึงหรือสองล้าน
คือถ้าแค่นี้พี่คิดว่าคงเดินเข้าธนาคารไหนก็ได้ถ้าราคาแค่ล้านเดียวอ่ะนะ
แต่นี่มันวงเงินที่เราต้องขอกู้คือค่อนข้างสูง แล้วทางโครงการก็ช่วยด้วย
ให้คำปรึกษา แถมได้ดอกเบี้ยดีด้วย
S : แล้ววันนี้ได้เซ็นสัญญาแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างคะ
C : ก็โอรนะ
คือพูดได้เลยว่าไม่ผิดหวัง เอาจริงๆก็ ตรงนี้คือขอบคุณมากๆ เลย
ทางโครงการช่วยให้ได้วงเงินเยอะกว่าที่คิดไว้อีก ตอนแรกก็คิดว่าจะได้แค่ 75% หรือ 70% คิดว่าจะต้องเก็บเงินส่วนต่างไว้เยอะ
พอมาได้วงเงินเยอะขนาดนี้ส่วนต่างที่เราเก็บไว้ก็เอาไปไว้ใช้อย่างอื่นได้
S : อยากฝากอะไรถึงคนไทยในต่างประเทศที่อยากจะมีบ้านในไทยไหมคะ
C : คืออย่างที่บอกว่าเราไปอยู่อเมริกา
เราเห็นโครงการนี้มาสิบกว่าปีแล้ว ถ้ามันไม่มีความน่าเชื่อถือจริงๆ
หรือว่าไม่ได้เติบโตในธุรกิจจริงๆ เค้าคงอยู่มาไม่ได้หรอกเป็นสิบกว่าปีหรอกค่ะ
ก็ตั้งแต่ปี 2004 โน่นเลยที่พี่เห็นโครงการนี้
ตั้งแต่ปี 2004 ที่เห็นบูทของโครงการนี้ไปเปิดที่ลอสแองเจลิสอ่ะค่ะ
แต่ว่าตอนนั้นคือยังไม่ได้คิดว่าจะซื้อบ้าน
ยังไม่ได้คิดว่าอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง ก็เลยไม่ได้สนใจ
เคยดูข้อมูลจากหน้าโบชัวร์ที่ได้มาด้วยนะคะ แต่ก็ไม่ได้สนใจนะ จนสุดท้ายก็อ้อโครงการนี้ที่เราเคยเห็นนี่นา
เราก็เลยเข้าไปเช็คในเว็บไซต์ของธนาคารเลย
ตอนแรกก็เอะใจนะว่าโครงการนี้คืออะไรมายังไง จะยังโอเคอยู่ไหม
แต่พอเข้าไปเช็คหน้าเว็บไซต์ธนาคาร ธอส. แล้วเห็นโครงการสำหรับคนไทยในต่างประเทศ
ซึ่งมันก็การันตีความน่าเชื่อถือให้ได้อยู่แล้วว่าถ้าหลอกลวงทางธนาคารคงไม่รับรองให้ขนาดนี้หรอก
ก็เลยแบบไม่มี Question อะไรอีกเลย
แล้วทางโครงการเองก็เคลียร์ในส่วนของค่าใช้จ่ายและขั้นตอนว่าต่อไปเราจะส่งคุณไปขั้นตอนไหน
ขั้นตอนต่อไปคืออะไร เค้าก็จะบอกชัดเจนตลอดว่าแผนกต่อไปคือแผนกไหน
เราต้องเจอกันอะไร เราจะต้องเตรียมอะไร แล้วก็ชอบตรงที่สามารถส่งเอกสารทาง Social
Media ได้เลย ให้เจ้าหน้าที่เช็คได้เลย
เราไม่ต้องมาเสียเวลาส่งพัสดุไปๆ มาๆ ส่งแล้วส่งอีก
เราจะส่งแค่ครั้งเดียวเมื่อเอกสารเราพร้อม ตรงนี้ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะค่ะ
คือทางโครงการเขาก็พยายามช่วยหาทางที่จะให้เราเซฟเงินด้วยในการจัดส่งเอกสาร
คือส่งเท่าที่จำเป็นจริงๆ ก็ชอบค่ะ แล้วก็มีแนะนำเพื่อนไปแล้วด้วยค่ะ
เราก็บอกว่าถ้าคุณไปทำเรื่องเองมันก็วุ่นวายนะ แล้วก็ไม่รู้จะได้ด้วยไหม
จะได้วงเงินที่คิดไว้หรือเปล่า แล้วก็ไม่มีที่ปรึกษาด้วยว่าเอกสารต้องใช้อะไร ต่อไปทำอะไรแล้วยังไงต่อล่ะ
อย่างเราไม่เคยซื้อบ้านเราก็จะไม่เข้าใจว่ากระบวนการมันคืออะไร
แล้วเงินส่วนต่างมันคืออะไร ต้องจ่ายอะไรบ้าง คือเราไม่เข้าใจจริงๆ
แล้วก็ชอบตรงที่มีบริการหลังการขายด้วย หมายถึงว่าหลังจากที่เราโอนกรรมสิทธิ์แล้ว
ทางโครงการเขาก็ไม่ได้ทิ้งเราไปเลย เค้าก็แบบยังมีเจ้าหน้าที่คอยติดตามดูแลเราอยู่
S : พูดถึงการผ่อนชำระคุณน้ำผึ้งมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างคะ
C : ตอนแรกพี่ก็ไม่ได้เข้าใจนะว่าทำไมจะต้องมาผ่อนชำระกับทางโครงการ
มันจะสะดวกกว่าไหมถ้าเราแค่โอนเข้าธนาคารโดยตรงไปเลย แต่จริงๆ แล้วคือไม่ใช่ แต่พอวันนี้มาเห็นแล้วว่าทางธนาคารเค้าก็ไม่ได้มีบุคคลากรที่จะมารองรับเรา
(คนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ) ในตรงนี้นะ ลูกค้าเขาเองก็มีตั้งกี่ล้านคน
ก็เลยคิดว่าก็ดีแล้วแหละที่ทางโครงการมีบริการตรงนี้มา
ตอนแรกก็คิดนะว่าเราผ่อนเองได้ไหมอ่ะ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมอีก 400 ด้วย แต่ก็แบบ 400 ไทยมันก็แค่ 10 กว่าเหรียญของที่โน่นเอง แต่วันนี้มาเห็นแล้วว่าเค้าก็ยุ่งๆ
งานของเค้าล่ะนะ เค้าไม่มีเจ้าหน้าที่มาดูแลเราแบบที่โครงการดูแลหรอก
ขนาดกระดาษแผ่นเดียวยังต้องใช้เวลารอเลย ก็เหมือนว่าโครงการเค้าเข้ามาช่วยมาดูแล
มาเป็นตัวแทน ช่วยรับผิดชอบเรื่องจู้จี้จุกจิก เรื่องเอกสาร
ทางโครงการเค้าก็ทำเรื่องนี้มานานแล้ว
เจอลูกค้าทุกวันเค้าก็จะรู้ว่าไปทางไหนมันถึงจะสะดวกสุดเร็วสุด
ถ้าเรามานั่งทำเองวันนี้ก็คงไม่เสร็จอ่ะค่ะ ประทับใจตั้งแต่เจ้าหน้าที่คนแรกเลยค่ะ
และประทับใจมาตลอดจนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ