คุณสุพรรณี อ่วมศิริ ลูกค้าจากประเทศ Sweden

คุณสุพรรณี  อ่วมศิริ คนไทยในสวีเดน
คุณสุพรรณี  อ่วมศิริ คนไทยในสวีเดน
Sun Gate way(ซัน เกทเวย์)

เสียงจากลูกค้า

Customer Voice

ตอนแรกเลยไม่เชื่อถือ กังวลว่าเราจะโดนหลอกไหม ก็เลยกลับมาเมืองไทยแล้วไปถามที่ธนาคาร ธอส. ที่หัวหิน เค้าก็บอกว่าไม่มีบริษัทนี้ไม่มีตัวตน เป็นไปไม่ได้คุยโดนหลอกแล้ว เราก็เลยหยุดไปค่ะเกือบสองปี แล้วทีนี้ก็สนใจก็เลยกลับมาเริ่มคุยกับโครงการนี้ใหม่ เจ้าหน้าที่ธนาคาร ธอส. เค้าก็เลยบอกว่าเดี่ยวจะโทรเช็คสำนักงานใหญ่ให้ แล้วเค้าก็โทรเลยค่ะ แล้วสำนักงานใหญ่เค้าก็บอกว่ามีจริงค่ะ เราก็เลยจ่ายเงินและดำเนินการทุกอย่างอย่างรวดเร็วเลยค่ะ แล้ววันนี้ก็ได้บ้านแล้ว

Think of Thailand, Think Sun Gateway

S : ทำไมถึงอยากจะมีบ้านในเมืองไทยคะ
เห็นว่าคุณลูกค้าอยู่สวีเดนมา
 35 ปีแล้ว

C : อยู่เมืองไทยสบายค่ะ
มีโอกาสมากกว่า ได้กิน ได้เที่ยว ได้ใช้ ได้อยู่แบบสบายๆ
อยู่เมืองนอกแล้วรู้สึกเหมือนติดคุกน่ะ อยู่เหมือนนกในกรงทอง
อยู่บ้านเราแล้วสบายใจกว่า แต่ว่าบ้านเราหากินยากหน่อยรายได้น้อย
ที่โน่นจะหาเงินง่ายกว่า แต่ถ้าถามว่าอยากอยู่ที่ไหน อยากกลับมาอยู่ไทยมากกว่าค่ะ

 

S : ก่อนที่จะมารู้จักกับเราเคยขอสินเชื่อที่ไหนมาก่อนไหมคะ

C : เคยค่ะ
หลายธนาคารเลย เค้าก็บอกแค่ว่าคุณไม่มีบัญชีที่นี่ ไม่สามารถกู้ได้

 

S : มารู้จักกับโครงการของเราได้อย่างไรคะ

C : เล่นเฟสบุ๊คค่ะ
แล้วก็เข้าไปเจอโครงการนี้ค่ะ ก็เลยลองติดต่อสอบถามไป ว่าสนใจโครงการนี้ค่ะ
ให้เบอร์ให้อีเมล์อะไรไปแล้วเค้าก็ติดต่อกลับมา ก็ดูน่าเชื่อถือดีค่ะ
แต่บอกเลยตอนแรกเลยไม่เชื่อถือ กังวลว่าเราจะโดนหลอกไหม
ก็เลยกลับมาเมืองไทยแล้วไปถามที่ธนาคาร ธอส. ที่หัวหิน
เค้าก็บอกว่าไม่มีบริษัทนี้ไม่มีตัวตน เป็นไปไม่ได้คุยโดนหลอกแล้ว
เราก็เลยหยุดไปค่ะเกือบสองปี แล้วทีนี้ก็สนใจก็เลยกลับมาเริ่มคุยกับโครงการนี้ใหม่
เจ้าหน้าที่ธนาคาร ธอส. เค้าก็เลยบอกว่าเดี่ยวจะโทรเช็คสำนักงานใหญ่ให้
แล้วเค้าก็โทรเลยค่ะ แล้วสำนักงานใหญ่เค้าก็บอกว่ามีจริงค่ะ
เราก็เลยจ่ายเงินและดำเนินการทุกอย่างอย่างรวดเร็วเลยค่ะ แล้ววันนี้ก็ได้บ้านแล้ว

 

S : คิดว่าโครงการนี้ช่วยอะไรคุณสุพรรณีได้บ้างคะ

C : ช่วยได้มากเลยค่ะ
ช่วยให้หายเหนื่อย ช่วยให้หายวุ่นวายจากหัวสมอง
ช่วยในการให้เราไม่ต้องเดินทางขึ้นเดินทางลง
เพราะว่าเราก็ไม่รู้ด้วยว่าที่นี่มันอยู่ตรงไหน เราต้องไปทำอะไร อย่างไร
ตรงนี้คือทางโครงการช่วยหมดเลย สุดยอดมากค่ะ

 

S : ในระหว่างที่ทำเรื่องนี้
มีความกังวลอะไรด้วยไหมคะ

C : ช่วงที่ดำเนินการที่กังวลมากก็คือ
จะผ่านไหม
แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็รับรองมาตลอดว่าของพี่น่าจะผ่านนะ
อย่างน้อยก็
 80% ก็สบายใจขึ้นมา แต่ถ้าถามว่ากังวลไหม
ก็ยังกังวลอยู่ค่ะ

 

S : มีความประทับใจอะไรในโครงการของเราบ้างคะ

C : ทุกอย่างเลยค่ะ
คือเราถามอะไรไป เราก็ได้คำตอบที่ถูกต้องและเราก็สบายใจ
คือเราไม่ได้โทรคุยแต่เราเขียนไลน์ถามกัน ส่งอีเมล์ถามกัน
พอเราถามไปแล้วก็ได้คำตอบมาก็สบายใจค่ะ ถ้าเราสงสัยอะไรแล้วถามไปเจ้าหน้าที่เค้าก็จะตอบมาทันทีเลย
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้คำตอบ ณ เวลาทันทีเลย แต่หลังจากนั้นภายใน
 1-2 วันเค้าก็จะมีคำตอบมาให้เราแน่นอนค่ะ

 

S : มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างคะเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในโครงการของเรา

C : ข้อคิดเห็นตรงนี้พี่พูดได้เลยนะคะว่า
ค่อนข้างจะแพงนิดนึง พี่จ่ายไปก็หลายบาทอยู่ค่ะ
แต่ว่ากับเรื่องที่ว่าเราไม่ต้องวิ่งขึ้นวิ่งลง ต้องมาเหนื่อยนั่งแท็กซี่ไปตรงนั้น
นั่งแท็กซี่ไปตรงนี้ ถามว่าคุ้มกว่ามั้ยพี่บอกเลยคุ้มค่ะ คือถ้าถามว่าแพงมั้ย
แพงค่ะ แต่คุ้มมั้ย คุ้มมากค่ะ

 

S : คิดว่าดีไหมคะ
ที่มีโครงการนี้ขึ้นมาช่วยคนไทยในต่างประเทศที่อยากจะมีบ้านในไทย

C : ดีมากค่ะ
เป็นโครงการที่ไว้ใจคนไทยในต่างประเทศ
ให้โอกาสคนไทยในต่างประเทศที่อยากจะกลับมาอยู่ไทย เพราะว่าพี่อยู่เมืองนอกมา
 30 กว่าปีนี่พี่รู้เลยว่าอยู่เมืองนอกไม่ได้สุขสายเหมือนอยู่เมืองไทย
ทุกคนอยากกลับแต่ไม่มีโอกาส พี่คิดว่าโครงการนี้เป็นการเปิดโอกาสให้แล้ว
ก็อยากจะให้ทุกคนทำค่ะ
จะได้เล็กได้น้อยแต่ก็น่าจะซื้อบ้านเล็กๆได้สักหลังเอาไว้กลับมาอยู่ ตอนเราแก่

 

S : วันนี้เซ็นสัญญาแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างคะ

C : ตื่นเต้นค่ะ
ดีใจ ดีใจมาก ตอนนี้นี่อยากเห็นบ้านแล้ว

 

S : อย่างบางท่านบอกว่าดีใจที่ได้บ้านแล้ว
แต่ก็เสียใจด้วยเพราะเป็นหนี้เช่นกัน แบบนี้พี่คิดอย่างไรบ้างคะ

C : ตอนอยู่ที่สวีเดนพี่ก็เป็นหนี้นะ
พี่ก็มีบ้านเป็นหนี้เหมือนกัน
พี่ว่าการที่ว่าคนเราจะทำไรแล้วไม่มีหนี้เลยมันเป็นไปไม่ได้
จะมีหนี้มากหนี้น้อยสุดท้ายก็ต้องมีเหมือนกัน
แต่ถ้าเราคิดว่าเราสร้างหนี้วันนี้เพื่ออนาคตข้างหน้า
เพื่อผลประโยชน์ของเราข้างหน้าก็ทำเลยดีกว่า อันนี้คือทัศนคติของพี่นะคะ
วางแผนไว้ก่อนค่ะ คนเรามีสิทธิ์แก่เฒ่าอยู่แล้ว ความแก่
ความตายนี่หนีกันไม่พ้นอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าเรามัวแต่มาห่วงตรงนั้นเมื่อไหร่เราจะมี
แต่ถ้าเราทำวันนี้อย่างนี้เราก็พยายามละนะ เรามีละนะ
พอมีหนี้เกิดขึ้นเราก็จะพยายามมากขึ้น จะมีความรับผิดชอบมากขึ้น
อย่างนี้เราก็มีบ้านในไทยแล้วหนึ่งหลังถึงแม้ว่าเราจะเป็นหนี้อยู่ก็ตาม
แต่การผ่อนบ้านในราคาบาทเมื่อเทียบกับเงินที่เราทำงานเป็นเงินต่างประเทศ
พี่ว่ามันไม่ได้มากมายเลยค่ะ เราสามารถผ่อนได้สบายๆ เลย
แต่ถ้ารอเกษียณแล้วกลับมาอยู่เมืองไทยแล้วค่อยผ่อน
พอถึงวันนั้นแล้วเราจะเอาเงินที่ไหนไปผ่อนเค้า  

 

S :  อยากฝากอะไรถึงคนไทยในต่างประเทศที่อยากมีบ้านในไทยไหมคะ

C : อยากฝากนะคะ
ทุกคนทำได้ค่ะ ไม่ใช่ว่าคิดแต่ว่าเราทำไม่ได้หรอก กลัว
พี่บอกเลยว่าถ้าห่วงว่ากลัวชีวิตก็ไม่ก้าวหน้า
ทำอะไรเราตั้งใจว่าเนี่ยวันนี้เรายืนบนน้ำได้ถึงแม้ว่าวันนึงเราอาจจะจมไปแต่ใจเรายังยืนอยู่บนน้ำอยู่
มันคือความรู้สึกที่เรายังอยู่บนน้ำอยู่ แม้ว่าตัวเราจะจมไปแล้วก็ตาม
ก็อยากให้ทุกคนทำ อยากให้ทุกคนลองดู
ถึงแม้คุณอาจจะได้วงเงินไม่เยอะแต่คุณก็ยังมีเงินพอที่จะซื้อบ้านหลังเล็กๆ
หรือไม่ถ้ามีที่ดินของตัวเองคุณก็ปลูกสร้างไปก็ได้ มันก็น่าจะทำได้ค่ะ
อยากให้คนไทยที่อยู่ในต่างประเทศทุกคนคิดอย่างนี้ว่า ทำ ณ
ตอนนี้เลยดีกว่าเพราะตอนนี้เราอยู่เมืองนอก เรามีเงินที่จะผ่อนได้
แต่ถ้าคุณคิดแต่ว่าจะมาซื้อตอนเกษียณแล้วคุณไม่มีทางทำได้แน่นอน
เพราะเงินบาทที่คุณหาได้ ณ ตอนนั้นมันนิดเดียว แต่ถ้าตอนนี้เทียบกันแล้ว
 1 ดอลล่าหรือ 1 โครนของที่โน่น
มันได้หลายเท่าตัวของเงินบาทมาก พี่ว่าแบบนี้ดีกว่าค่ะ