คลังยัน พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่กระทบธุรกิจอสังหาฯ ระบุ 10 เดือนคอนโดมิเนียมชะลอตัวลง20% มั่นใจปี 2558 ฟื้น เผยการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมช่วยกระตุ้นตลาด ด้านเพอร์เฟคชี้ปีหน้าเป็นปีแห่งการควบรวมเพื่อกระจายความเสี่ยง คาด 1-2 ปีข้างหน้าแนวโน้มเพิ่มขึ้น นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.การคลัง เปิดเผยภายหลัง เปิดงานสัมมนา “Real Estate Megatrends แนวโน้มอสังหา ริมทรัพย์ในอนาคต” ว่า การที่ภาครัฐมีนโยบายออกร่างพระ ราชบัญญัติที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบ ต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากจะมีการออก กฎหมายรองรับการจัด เก็บภาษี ให้สมดุลและเป็นธรรมกับเจ้าของที่ดิน ซึ่งเพดาน ในการจัดเก็บสูงสุดไม่เกิน 4% ถือว่าเป็นอัตราไม่สูงเกินไป และอัตราภาษีที่ประชาชนจ่ายจริง ขึ้นอยู่กับขนาดที่ดินและราคาบ้าน และในเร็วๆ นี้กระทรวงการคลังเตรียมหา รือร่วมกับ 3 สมาคมภาคอสัง หาริมทรัพย์ คือ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุด และสมาคมอสังหาริม ทรัพย์ไทย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อ มูลผลกระทบจากการออกกฎ หมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
สำหรับภาพรวมอสัง หาริมทรัพย์ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา โครงการแนวราบมีอัตราการเติบโตที่ประมาณ 8% หรือ 38,000 ยูนิต คาดว่าในสิ้นปี 2557 นี้จะขยายตัวมาอยู่ที่ 45,000 ยูนิต ในส่วนของโครงการแนวสูง หรือคอนโดมิเนียม มีแนวโน้มชะลอตัวลง 20% หรือประมาณ 65,000 ยูนิต เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีจำนวนกว่า 85,000 ยูนิต เนื่องจากมีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีเหตุการณ์ทางการเมือง ทำให้ผู้ประกอบการรอดูสถานการณ์ อย่างไรก็ตามในปี 2558 เชื่อว่าโครง การคอนโดมิเนียมจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสัง หาริมทรัพย์ในอนาคตมีการเติบโตเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการพัฒนาโครงข่ายการคมนาคมของภาครัฐ และการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีส่วนกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิง พาณิชย์ ในบริเวณเขตเศรษฐ กิจพิเศษและพื้นที่ใกล้เคียง และการเปิดประชาคมเศรษฐ กิจอาเซียนนั้น ทำให้ผู้ประกอบการเตรียมพัฒนาอสังหาริม ทรัพย์ในภูมิภาค ทั้ง พม่า ลาว กัมพูชา รวมถึงควบรวมกิจการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
นายชายนิด อรรถญาณ สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟ็ค กล่าวว่า ภาพรวมอสังหาริม ทรัพย์ในปี 2557 นี้ จะมีการ ควบรวมกิจการมูลค่า 120,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการเข้าซื้อ กิจการ 4 บริษัท มูลค่า 37,250 ล้านบาท ร่วมทุน 6 บริษัท มูลค่า 82,750 ล้านบาท และมีแนวโน้มใน 1-2 ปีข้างหน้า จะมีมากขึ้น โดยเฉพาะการร่วมทุนกับต่างชาติ ซื้อกิจการที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ อีกทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยง และเสริม สร้างศักยภาพธุรกิจให้แข็ง แกร่ง เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
นายทวีศักดิ์ ทวีธีรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส กล่าวว่า บริษัทได้ประเมินถึงภาพรวมการเปิดโครงการใหม่ของ 15 บริษัทจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้มีจำ นวนลดลงอยู่ที่ 2.7 แสนล้าน บาท จากปีที่ผ่านมาที่มียอด เปิดโครงการใหม่ 2.9 แสนล้านบาท สำหรับยอดขายพบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือน มียอดขายรวม 1.6 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ประเมินว่ายอดขายช่วงไตรมาสที่ 4 จะชะลอลง เพราะปกติไตรมาส 4 บริษัทจะเน้นเรื่องการโอนเพื่อรับรู้รายได้ ประเมินว่ายอดขายปีนี้คาดว่าจะหดตัว 10% มูลค่า 2.1-2.2แสนล้านบาท จากปี 2556 ที่มีมูลค่า 2.4 แสนล้านบาท