นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ภายหลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้มีการจัดเก็บภาษีคณะบุคคลและห้างหุ้นส่วนสามัญ และโรงเรียนกวดวิชาไปแล้วนั้น ขณะนี้ กรมฯได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว หาก รมว.คลังเห็นชอบจะเริ่มจัดเก็บได้ในปี 58 คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกหลายพันล้านบาท ปัจจุบันมีโรงเรียนกวดวิชาราว 10,000 แห่งทั่วประเทศ ที่เข้าข่ายต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากปัจจุบันที่ไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ครูต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
“การจัดเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชาเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศของกระทรวง การคลัง ไม่เกี่ยวกับกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งปัจจุบันกฎหมายสรรพากรระบุว่าโรงเรียนราษฎร์ ที่หมายถึงโรงเรียนเอกชนไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และแวต เพื่อส่งเสริมการศึกษาของเยาวชน โดยหลักการนี้ยังคงอยู่ แต่กลุ่มโรงเรียนกวดวิชาที่เปิดสอนพิเศษเพื่อให้นักเรียนสอบคัดเลือกเข้า สถาบันการศึกษาที่ระบุไว้ได้ เช่น เข้าโรงเรียนเตรียมทหาร หรือมหาวิทยาลัย หรือโรงเรียนสาธิต หรือโรงเรียนติวเตอร์ต่างๆ เช่น สอนภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ เป็นต้น ต้องเสียภาษี”
สำหรับคณะบุคคลและห้างหุ้นส่วนสามัญนั้น ได้ส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว คาดว่าวันที่ 1 ม.ค.58 จะมีผลบังคับใช้ หากคณะบุคคลยังมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจจะเสียภาษี 2 ต่อ คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่อยู่ในนามของคณะบุคคล หรือห้างส่วนหุ้นสามัญ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่ยื่นระหว่างปีตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. ส่วนการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว เฉพาะบุคคลธรรมดาที่ซื้อทัวร์และค่าที่พัก สามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนได้ 15,000 บาทต่อคนต่อปีนั้น คาดจะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาได้ใน 1-2 วันนี้