นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้กระทรวงการคลังจะเสนอโครงการบ้านประชารัฐวงเงินสินเชื่อ 7 หมื่นล้านบาท ให้ คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณา เห็นชอบ โดยเบื้องต้น จะแบ่งเป็นสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเอกชนภาคอสังหาริมทรัพย์สร้างที่อยู่อาศัยวงเงิน 3 หมื่นล้านบาทผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย แห่งละ 1 หมื่นล้านบาท และ สินเชื่อให้กับประชาชนผู้ซื้อบ้านอีก 4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ธอส. และ ธนาคารออมสินแห่งละ 2 หมื่นล้านบาท โดยมีเงื่อนไขบ้านต้องไม่เกิน 7 แสนบาท และบ้านราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ที่สำคัญต้องเป็นบ้านหลังแรกเท่านั้น
ทั้งนี้ปัจจุบันในตลาดราคาบ้านไม่เกิน 1.5 ล้านบาท มีจำนวน 6 แสนยูนิต โดยคาดว่าโครงการบ้านประชารัฐจะมีเข้ามา 10% หรือเท่ากับ 6 หมื่นยูนิต ภาคเอกชนอาจให้สิทธิพิเศษหรือให้ส่วนลดกับผู้ซื้อเพิ่มนอกเหนือจากได้ดอกเบี้ยธนาคารผ่อนปรน เช่น ซื้อบ้านในราคา 1.5 ล้านบาท อาจได้รับส่วนลดอีก 3 หมื่นบาท
นอกจากนี้ยังจะมีโครงการจัดระเบียบชุมชนให้ กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัด และพักอาศัยอย่างไม่ถูกต้อง ให้มีที่อยู่อย่างถูกต้องในพื้นที่ใกล้เคียงกับของเดิม เพื่อยังคงความสะดวกในการสัญจรการทำงาน
นายฉัตรชัย ศิริไล รองกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) กล่าวว่า สำหรับโครงการบ้านประชารัฐ ธนาคารจะคิดอัตราดอกเบี้ย ผ่อนปรนนาน 6 ปี แบ่งเป็น 2 กรณี คือถ้ากู้ไม่เกิน 7 แสนบาท คิดดอกเบี้ยปีที่ 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 ที่ 0%, 2%, 2%, 5%, 5%, 5% ตามลำดับ หลังจากนั้น คิดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี หรือเอ็มแอลอาร์ลบ โดยคิดเฉลี่ยเป็นค่างวดที่ต้องจ่ายในช่วง 3 ปีแรกที่ 3,000 บาทต่อเดือน ส่วนปีที่ 4-6 ค่างวดจะอยู่ที่ 4,000 บาทต่อเดือน
สำหรับกรณีที่กู้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท คิดดอกเบี้ย ปีที่ 1, 2, 3, 4, 5, และ 6 ที่ 3%, 3%, 3%, 5%, 5%, และ 5% ตามลำดับหลังจากนั้นคิดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ ชั้นดีลบ หรือคิดเป็นค่างวดเฉลี่ยในช่วง 3 ปีแรกที่ 7,200 บาทต่อเดือน และปีที่ 4-6 คิดเป็นค่างวดเฉลี่ยที่ 8,200 บาทต่อเดือน
นอกจากนี้ยังปล่อยกู้เพื่อซ่อมแซม ต่อเติมได้ อีกไม่เกิน 5 แสนบาท คิดดอกเบี้ยเท่ากับกรณีที่กู้บ้านหลัง ไม่เกิน 7 แสนบาท โดยทรัพย์สินหมายถึงราคาที่ดิน รวมสิ่งปลูกสร้างที่จะต้องซ่อมหรือต่อเติมต้องมีราคา ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท
ทั้งนี้คาดว่าวงเงินในส่วนที่เตรียมไว้ปล่อยให้ประชาชนกู้ 2 หมื่นล้านบาทของธอส.น่าจะมีคนยื่น เอกสารขอสินเชื่อได้ครบก่อนสิ้นเดือนเมษายนนี้ เชื่อว่า โครงการนี้จะช่วยให้ประชาชนมีโอกาสมีบ้านเป็นของตัวเองได้เร็วขึ้น สามารถกู้คนเดียวหรือกู้ร่วมได้ แต่มี เงื่อนไขว่าต้องเป็นบ้านหลังแรกในชื่อผู้กู้หลัก นอกจากนี้ ยังไม่จำกัดเรื่องเงินเพราะต้องการเปิดกว้างให้กับคนที่มี เงินทั่วไป แต่ใช้วิธีการกำหนดราคาบ้านไว้ไม่ให้เกิน 1.5 ล้านบาทแทน