ทิปส์เด็ดสำหรับคนกำลังจะซื้อบ้าน!

ทิปส์เด็ดสำหรับคนกำลังจะซื้อบ้าน!

#สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างประเทศ #อยู่ต่างประเทศซื้อบ้านในไทย #สินเชื่อสำหรับคนไทยในต่างประเทศ #คนไทยในต่างแดน #ซื้อบ้านในไทย #อยู่ต่างประเทศซื้อบ้านในไทย #สินเชื่อคนไทยในต่างแดน #สินเชื่อซื้อบ้านสำหรับคนไทยในต่างแดน #ทำงานต่างประเทศ #อยู่ต่างประเทศ
ใครที่ซื้อบ้านเป็นครั้งแรกย่อมอยากที่จะได้บ้านหลังใหม่พร้อมรองรับการขยายครอบครัวในอนาคต (right sizing) แต่ก็มีบางเรื่องที่ผู้ซื้อมือใหม่อาจจะมองข้ามไปทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญ DDproperty จัดการรวบรวมข้อควรรู้ที่สำคัญๆ มาให้คุณในวันนี้ เพื่อให้ผู้ซื้อมือใหม่อย่างเรารู้เท่าทันผู้พัฒนาโครงการ แต่ก่อนอื่นเรามาดูก่อนว่าการซื้อบ้านที่ใหม่จริงๆ หรือเป็นเราเจ้าแรกที่ได้เข้าไปอยู่นั้นมีข้อดีอย่างไรบ้าง
-ใครๆ ก็อยากเข้าไปประเดิมอยู่อาศัยในบ้าน/ คอนโดฯ เป็นเจ้าแรก เพราะบ้าน/ คอนโดฯ ใหม่ คุณไม่ต้องกังวลกับการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษาอะไรมากมาย อย่างน้อยคุณก็สามารถเลี่ยงค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไปได้อย่างน้อย 2-3 ปี
-การซื้อบ้านใหม่คุณจะเป็นผู้เลือกของตกแต่งเองได้ตามใจชอบ นั่นเพราะคุณเป็นเจ้าของคนแรก คุณไม่ต้องถูกบังคับรับมอบงานตกแต่งบางงานจากเจ้าของเดิม
-บ้านมือหนึ่งส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับประกัน (เรื่องรอยร้าว, น้ำซึม, โครงสร้างเสาเข็ม, กระเบื้องหลุด) ดังนั้นคุณสามารถมั่นใจเรื่องการเข้าอยู่ได้ โดยไม่ต้องกังวล หากเกิดขึ้นคุณสามารถเคลมได้ (อย่างน้อยก็ 2 ปี warranty)
คราวนี้มาดูจุดที่จะต้องคำนึงเมื่อซื้อบ้านมือหนึ่ง:
บริการหลังการขายที่คุณจะได้รับอาจจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับข้อเสนอหรือโปรโมชั่นที่คุณได้รับจากแต่ละโครงการ แน่นอนใครๆ ก็อยากได้บริการหลังการขายแบบจัดเต็มหลังจากจ่ายค่าจองหลักหมื่นหรือบางรายอาจจะหลักแสน กับการเป็นหนี้ไปอีกหลายสิบปี โชคร้ายที่บรรดาดีเวลลอปเปอร์ไม่ได้แข่งขันกันเรื่องคุณภาพบริการหลังการขาย ดังนั้นมันคือสิ่งที่คุณต้องทำรีเสิร์ชด้วยตัวเอง และต่อไปนี้คือข้อแนะนำ
ศึกษาเจ้าของโครงการที่คุณจะซื้อให้ดี
ในยุคที่ข้อมูลเปิดกว้างผ่านช่องทางโลกออนไลน์ จึงไม่ใช่เรื่องยากหากคุณจะลองใช้เวลาในการนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทผู้ประกอบการซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการที่คุณกำลังสนใจ เก็บข้อมูล ความคิดเห็นผ่านกระทู้ เว็บบอร์ดต่างๆ รวมทั้งข่าวสารที่เกี่ยวกับโครงการหรือเจ้าของโครงการนั้นๆ รวมไปถึงการเก็บข้อมูลอัพเดทว่ากระแส ณ ปัจจุบันเป็นอย่างไร กำลังจะมีโครงการสำคัญอะไรเกิดขึ้นบริเวณนั้นหรือเปล่าเผื่อเวลาการขายต่อ (resale) ภายใน 5-10 ปีข้างหน้าจะอัพให้มูลค่าอสังหาฯสูงขึ้น
คุยกับเพื่อนบ้าน
การไปสำรวจพื้นที่ รวมถึงภายในโครงการโดยเฉพาะอสังหาฯ ที่คุณกำลังเล็งไว้ ถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะได้พบกับว่าที่เพื่อนบ้านใหม่ ทำความรู้จักและพูดคุย คุณอาจจะลองถามพวกเขาถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาของพวกเขาเมื่อย้ายเข้ามาอยู่ รวมไปถึงว่ามีความล่าช้าในการก่อสร้างหรือไม่ หรือมีปัญหาหลังจากย้ายเข้ามาอยู่หรือไม่ เป็นต้น
ลองไปสำรวจโครงการอื่นจากดีเวลลอปเปอร์เจ้าเดียวกัน
เช่นเดียวกันกับข้อก่อนหน้านี้ แต่ให้คุณลองไปเยี่ยมชมและถามความเห็นจากผู้ที่ซื้อก่อนหน้าในโครงการอื่นๆ ว่าพวกเขามีความคิดเห็นต่อตัวโครงการและดีเวลลอปเปอร์อย่างไร
อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาทั้งหมดจากดีเวลลอปเปอร์
อยากจะเห็นต้องพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง เช่น หากทางโครงการโฆษณาว่าโครงการของตนอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า หรือรถประจำทาง นั่นหมายความว่าไม่ควรจะอยู่ห่างเกิน 500 เมตร หรือจะเป็นสถานที่ต่างๆ อย่างเช่นห้างสรรพสินค้าก็ควรจะอยู่ในระยะที่ใกล้จริงๆ ตามคำโฆษณาที่เคลมไว้
มูลค่าหลังจากซื้อ
ลองเปรียบเทียบโครงการเก่าในลักษณะเดียวกันว่ามูลค่าเพิ่มขึ้นหรือน้อยลง อาจจะเป็นอีกโครงการบริเวณใกล้เคียงหรือแม้กระทั่งดีเวลลอปเปอร์คนละเจ้ากัน ถ้าจะลงละเอียดกว่านี้คุณอาจจะเปรียบเทียบราคาต่อตารางเมตรกับโครงการอื่น
คิดเผื่อ
ลองคิดถึงระยะเวลาที่จะอยู่กับบ้านหลังที่จะซื้อ คิดถึงเรื่องการขยายครอบครัว กรณีคู่รักเข้ามาอยู่ด้วยหรือหากมีทายาทตัวน้อย เมื่อลูกโตขึ้นก็ยังสามารถอยู่ในบ้านนี้ได้ เพื่อที่ว่าคุณจะได้ไม่ต้องตัดสินใจการซื้อครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งซึ่งมูลค่าภายภาคหน้าก็จะสูงขึ้นอีก
คิดเพิ่มมูลค่าให้กับอสังหาฯ
ลองศึกษาว่าบริเวณส่วนไหนของบ้านของคุณที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับบ้านได้ อาจจะเป็นด้วยการตกแต่งเพิ่มเติม เช่น สวนหลังบ้าน หรือการตกแต่งภายในบ้านให้เป็นสไตล์ Loft ที่กำลังนิยมกันในตอนนี้ การเพิ่มมูลค่าให้กับอสังหาฯ ของคุณทำให้เมื่อปล่อยขายต่อผู้ซื้อคนต่อไปจะทำให้ขายได้ในราคาที่สูงขึ้น
ศึกษากรณีโครงการเสร็จล่าช้า
ถามถึงสัญญาให้ดีหากการดำเนินการก่อสร้างเสร็จล่าช้ากว่ากำหนดเป็นเวลานานทางเจ้าของโครงการจะมีการชดเชยอย่างไรต่อความล่าช้าที่เกิดขึ้น
ศึกษาระยะเวลาเอาประกันให้ดี
หากทางโครงการยืนยันจะให้คุณเซ็นรับมอบทั้งที่การก่อสร้างยังไม่เสร็จหรืองานเก็บรายละเอียดยังไม่เสร็จ อย่าเซ็น!!! เพราะถ้าคุณเซ็นนั่นหมายถึงเวลาช่วงรับประกันจะเริ่มขึ้นทันที ไม่มีใครอยากได้บ้านสภาพไม่พร้อมและประกันที่โดนบังคับเซ็นหรอก จริงไหม? ดังนั้นสภาพทุกอย่างภายในบ้านต้องบรรลุความพอใจของคุณให้ดีที่สุดถึงจะเซ็นรับมอบได้
เลือกซื้อบ้านคล้ายอย่างไรกับการเลือกซื้อหุ้น?
การซื้อหุ้นก็เช่นเดียวกันควรจะมีการศึกษาพื้นฐานของบริษัท (fundamentals) เช่นงบการเงินและผลประกอบการที่ผ่านมาเพื่อตรวจสอบสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนนั้น หากบริษัทไหนเป็นหนี้เยอะก็ควรหลีกเลี่ยงเพราะเราไม่ทราบว่าบริษัทนั้นจะผิดชำระหนี้ (default) จนทำให้เสียเครดิตส่งผลไปยังมูลค่าต่อหุ้นที่จะลดลงหรือไม่ และที่สำคัญหากไม่มีเวลานั่งหน้าจอคอยเช็คเพื่อขายเอากำไรตลอดเวลาอย่าเลือกซื้อหุ้นที่เป็นเทรนด์แค่ช่วงใดช่วงหนึ่ง (momentums) เพียงเพราะคุณเห็นมี volumes การเข้าซื้อเป็นจำนวนมากเพราะนั่นอาจเป็นการ “ปั่นหุ้น” (spoofing)
ในขณะที่หากต้องซื้อบ้าน คุณควรจะต้องดูประวัติโครงการในลักษณะเดียวกันจากดีเวลลอปเปอร์เจ้านั้นว่ามีผลตอบรับจากสังคมเป็นอย่างไร หากความคิดเห็นที่ได้ออกมาไม่ดีและมีสัดส่วนมากกว่าความคิดเห็นในแง่ดี คุณควรอาจจะต้องคิดพิจารณาให้ดี หรือหากต้องการจะ play safe ก็อย่าซื้อ!!!