#สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างประเทศ #อยู่ต่างประเทศซื้อบ้านในไทย #สินเชื่อสำหรับคนไทยในต่างประเทศ #คนไทยในต่างแดน #ซื้อบ้านในไทย #อยู่ต่างประเทศซื้อบ้านในไทย #สินเชื่อคนไทยในต่างแดน #สินเชื่อซื้อบ้านสำหรับคนไทยในต่างแดน #ทำงานต่างประเทศ #อยู่ต่างประเทศ
หลายคนอยากซื้อบ้านเป็นของตัวเอง แต่ทว่าคงมีน้อยคนที่สามารถซื้อบ้านเป็นเงินสด ดังนั้นเงินที่ขาดจึงต้องอาศัยกู้เอาจากธนาคาร หรือสถาบันการเงินต่างๆ เนื่องจากสถาบันเหล่านี้ มักจะให้กู้เพียงไม่เกินร้อยละ 90 ของราคาซื้อขาย หรือมูลค่าประเมินของบ้าน (พร้อมที่ดิน) ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผู้ซื้อบ้านควรมีเงินเก็บ ออมอย่างน้อยที่สุด 10% ของราคาบ้าน หรือถ้าจะให้ดีควรมากกว่า 20% นะครับโดยเงินจำนวนนี้เอง ที่ผู้ซื้อบ้านมักจะต้องจ่ายเป็น เงินดาวน์ ในการซื้อบ้าน หากบ้านยังสร้างไม่เสร็จ เจ้าของโครงการมักจะให้เราผ่อนเป็นงวดๆ ได้ในเวลาประมาณ 6-18 เดือน
หากเราไม่เก็บเงินเพื่อซื้อบ้านในสัดส่วนดังกล่าว จะทำให้ภาระเงินกู้หนักขึ้น และภาระที่หนักนี้จะทำให้คุณภาพชีวิตโดยรวมของครอบครัวเราไม่ดีเท่าที่ควร เพราะการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันก็ สำคัญ ไม่แพ้การซื้อบ้านของตัวเอง
อย่างไรก็ตามในการวางแผนการเงินเพื่อซื้อบ้าน คุณอาจเริ่มต้นจากวิธีใด วิธีหนึ่งใน 2 วิธี คือ
วิธีที่1 คุณทราบราคาบ้านที่จะขายแล้วมาคำนวณว่าคุณจะซื้อและผ่อนได้หรือไม่?
วิธีการนี้ ในการประมาณการทางการเงิน คุณจะต้องเริ่มโดยพิจารณาว่า
– คุณมีเงินเก็บออมซื้อบ้าน หรือมีเงินดาวน์พอที่จะจ่ายให้กับเจ้าของโครงการหรือไม่?
– คุณต้องกู้เงินจากธนาคารในวงเงินสูงสุดได้เท่าใด?
– จะต้องผ่อนชำระเงินงวดเดือนละเท่าใด คุณสามารถผ่อนได้หรือไม่?
***ตัวอย่าง นายเอต้องการกู้ซื้อบ้านราคา 1 ล้านบาท เมื่อปรึกษากับธนาคารแล้วสามารถปล่อยกู้ได้ 80% ดังนั้นนายเอต้องมีเงินดาวน์บ้าน 2 แสนบาท เมื่อพิจารณาระยะเวลาการผ่อนชำระนาน 30 ปี จากวงเงินที่เหลือ 8 แสนบาท ค่างวดที่ต้องผ่อนชำระแต่ละเดือนเป็น 4,796 บาท จากนั้นเราจึงมาประเมินกำลังของเราเองว่าสามารถผ่อนชำระได้ตามที่คิดหรือไม่?
วิธีที่ 2 เราทราบรายได้ของตัวเองแล้วมาคำนวณว่าคุณจะซื้อบ้านได้แบบใด ในราคาใดได้บ้าง?
ในกรณีที่คุณทราบ รายได้ ของคุณว่ามีเท่าใด และอยากทราบว่ารายได้ดังกล่าวนั้น สามารถจะซื้อบ้านในระดับราคาประมาณเท่าใด ก็สามารถคิดคำนวณได้ไม่
***ตัวอย่าง เช่น หากคุณมีรายได้ประมาณเดือนละ 25,000 บาท คุณอยากรู้ว่าธนาคารจะให้คุณกู้ได้ในวงเงินเท่าใด และจะซื้อบ้านในราคาประมาณเท่าใด โดยเราต้องประเมินกำลังการผ่อนชำระค่างวดต่อเดือน ซึ่งธนาคารมักจะให้กู้ในวงเงินประมาณ 15-25% ของรายรับต่อเดือนหลังหักค่าใช้จ่ายส่วนตัว กรณีที่เรามีเงินเดือน 2.5 หมื่นหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือ 2 หมื่น ถ้าหากคิดที่ 25% เรามีความสามารถในการผ่อนชำระเป็น ค่างวดต่อเดือน = 20000 * 0.25 = 5,000 บาท/เดือน หากเราต้องการกู้ซื้อบ้าน 30 ปี โดยประมาณวงเงินที่จะกู้ 8 แสนบาทคิดดอกเบี้ยเงินกู้ 6% ต่อปี จะคิดเป็นดอกเบี้ย 926,966 บาท
CR: http://www.topofliving.com/166.html