#สินเชื่อธอสเพื่อคนไทยในต่างประเทศ #ThinkOfThailandThinkSunAssets
คลินิกแก้หนี้
ตัวช่วยในการรวมหนี้และผ่อนชำระในที่เดียว พร้อมลดภาระการผ่อนชำระ
นับเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่มีหนี้คงค้าง โดยเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด และหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันกับธนาคารหลายแห่ง และถูกคิดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราที่สูง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้แต่งตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) ให้เป็นศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหาหนี้สินดังกล่าวกับธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายให้ได้ข้อยุติในคราวเดียว และช่วยให้ลูกหนี้สามารถบริหารการชำระหนี้ของตัวเองได้อย่างเหมาะสมตามความสามารถที่แท้จริง ควบคู่กับการเสริมสร้างวินัยทางการเงินที่ดี เพื่อเป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้ดังกล่าว เราได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโครงการคลินิกแก้หนี้ พร้อมให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้มาฝาก
คุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ มีดังนี้
1. เป็นบุคคลธรรมดา มีเงินเดือนประจำ
2. อายุลูกหนี้ เมื่อรวมกับระยะเวลาที่อยู่ในโครงการแก้ไขปัญหาหนี้ต้องไม่เกิน 65 ปี
3. มีหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน เฉพาะกับธนาคารที่เข้าร่วมโครงการตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไป ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2560
4. ยอดหนี้เงินต้นค้างชำระรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท
5. ยังไม่ถูกฟ้องดำเนินคดี
ปัจจุบัน ธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการมีจำนวน 16 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงไทย ธนาคารทหารไทย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ธนาคารเกียรตินาคิน ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ธนาคารธนชาติ ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย ธนาคารทิสโก้ ธนาคารยูโอบี ธนาคารซิตี้แบงก์ เอ็น เอ และธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย)
ลูกหนี้ที่มีความสมัครใจ สามารถเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่เริ่มเปิดโครงการในวันที่ 1 มิถุนายน 2560 เป็นต้นไป โดยจะต้องผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ รวมถึงการวิเคราะห์รายได้ รายจ่าย แล้วมีเงินสดคงเหลือเพียงพอในการผ่อนชำระตามเงื่อนไข
ประโยชน์ที่ลูกหนี้จะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ ได้แก่
1. รวมหนี้และเจรจา พร้อมผ่อนชำระในที่เดียว หากลูกหนี้มีหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อบุคคลที่มีเจ้าหนี้หลายราย และต้องการปลดภาระหนี้สินทั้งหมด ทางโครงการจะช่วยหาแนวทางการชำระหนี้ตามความสามารถที่แท้จริงของลูกหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้ได้ข้อยุติในคราวเดียว โดยได้รับโอกาสและความสะดวกมากขึ้น เพียงมาเจรจาที่คลินิกแก้หนี้ที่เดียว ก็เสมือนได้ติดต่อกับเจ้าหนี้ทุกรายเป็นลักษณะ One Stop Service โดยแตกต่างจากที่ผ่านมา กรณีที่ลูกหนี้มีเจ้าหนี้หลายรายและตั้งใจจะปลดภาระหนี้สินทั้งหมด ลูกหนี้จะต้องไปติดต่อกับเจ้าหนี้ทีละราย จนครบทุกราย ซึ่งยากจะประสบความสำเร็จ เพราะเจ้าหนี้แต่ละรายมีหลักเกณฑ์และมาตรการที่แตกต่างกัน
2. ลดภาระการผ่อนชำระต่อเดือน ลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับโอกาสชำระเฉพาะเงินต้นที่ค้างชำระ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราผ่อนปรนไม่เกิน 7% ต่อปี และจะได้รับระยะเวลาผ่อนชำระได้ไม่เกิน 10 ปี ตามความเพียงพอของกระแสเงินสด
ทั้งนี้ เรามีข้อเสนอแนะสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการว่า หลังจากที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมในโครงการ ลูกหนี้ควรปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกับ SAM และธนาคารเจ้าหนี้อย่างเข้มงวด เพื่อจะได้ประโยชน์จากการปรับลดหรือยกเว้นดอกเบี้ยค้างจ่าย และหากภาระการผ่อนชำระในระหว่างเข้าร่วมโครงการลดลง ไม่ควรนำเงินที่เหลือจากภาระผ่อนที่ลดลงไปใช้จ่าย แต่ควรนำเงินที่เหลือจากภาระผ่อนที่ลดลงไปชำระหนี้เพิ่มขึ้น เพื่อปลดยอดหนี้ให้หมดเร็วกว่ากำหนด และเมื่อชำระคืนหนี้สินได้หมดแล้ว ต้องพยายามไม่ก่อหนี้อีก จนกลายเป็นภาระการเงินให้ตัวเราอีก ถ้ามีการรูดใช้จ่ายผ่านบัตร ก็ต้องมั่นใจว่าจะมีเงินมาชำระคืนตรงเวลาและเต็มจำนวน และเพื่อให้เราสามารถเก็บออมเงินได้ ไม่ใช้จ่ายจนหมด แนะนำให้หักเงินรายได้มาเก็บออมก่อนใช้จ่ายทุกเดือนอย่างน้อย 20% ของรายได้ แล้วเก็บเป็นเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินให้ได้ 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน โดยสามารถเก็บออมในบัญชีเงินฝาก หรือกองทุนรวมตลาดเงิน เพราะถ้าจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วนขึ้นมา จะได้มีเงินที่สำรองเก็บไว้มาใช้จ่าย ไม่ต้องกู้ยืมให้กลายเป็นหนี้เป็นสินตามมาอีก
ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ สามารสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2560 โดยตรวจสอบคุณสมบัติและกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มใบสมัคร และยืนยันข้อมูลผ่านเว็บไซต์ www.debtclinicbysam.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน Call Center 02-610-2266 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เว้นวันหยุดราชการ เวลา 08.30-17.00 น.