#สินเชื่อธอสเพื่อคนไทยในต่างประเทศ #ThinkOfThailandThinkSunAssets
คำนวณเงินใช้จ่ายหลังเกษียณ สำรวจหนี้สินหรือภาระการเงิน และเตรียมพร้อมป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ Early Retire ได้อย่างมั่นคง
สำหรับคนที่ทำงานประจำมาได้สักระยะหนึ่ง แล้วบริษัทเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถเข้าโครงการ Early Retire หรือโครงการสมัครใจลาออก พร้อมรับเงินชดเชยก้อนหนึ่ง เชื่อว่า หลายๆ คนให้ความสนใจกับโครงการ Early Retire นี้ เพราะจะได้เกษียณก่อนอายุ 55 ปี หรือ 60 ปี ทั้งนี้ การตัดสินใจ Early Retire ไม่ควรมองเพียงข้อเสนอที่บริษัทมอบให้ แต่ต้องคิดให้รอบคอบ ถี่ถ้วน และชั่งน้ำหนักให้ดี เพราะหากขาดการเตรียมตัวและวางแผนที่ดีพอ อาจทำให้เกิดปัญหาการเงินในวัยเกษียณตามมา แทนที่จะได้ใช้ชีวิตสบายๆ หลังเกษียณอย่างที่ฝัน ดังนั้นจึงแนะนำให้เช็กตัวเองก่อนว่า พร้อมแค่ไหนที่จะก้าวออกจากงานประจำ โดยดูว่าตัวเราเตรียมเงินไว้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายหลักๆ 3 เรื่องเหล่านี้หรือยัง
เงินใช้จ่ายหลังเกษียณ
จัดว่าเป็นเรื่องสำคัญของชีวิตเลยทีเดียว เพราะจะกินจะใช้ ยังไงก็ต้องใช้เงิน จริงๆ แล้วต้องบอกว่า แม้จะเกษียณอายุตามเวลาที่บริษัทกำหนด ก็ต้องวางแผนเก็บเงินตั้งแต่ช่วงที่ยังทำงานมีรายได้ เพื่อให้มีเงินเพียงพอใช้จ่ายหลังเกษียณที่ไม่ได้มีรายได้ประจำจากการทำงาน ยิ่งต้องการ Early Retire ด้วยแล้ว ยิ่งต้องวางแผนให้ดี เพราะมีระยะเวลาในการใช้เงินหลังเกษียณที่มากขึ้น
ยกตัวอย่างในเห็นภาพง่ายๆ หากเกษียณอายุที่ 60 ปี มีชีวิตหลังเกษียณถึงอายุ 85 ปี เท่ากับว่ามีระยะเวลาใช้จ่ายหลังเกษียณ 25 ปี แต่หากเกษียณตั้งแต่อายุ 50 ปี เท่ากับว่าระยะเวลาใช้จ่ายหลังเกษียณกลายเป็น 35 ปี นั่นคือ ต้องเตรียมเงินให้พอกับการใช้จ่ายที่เพิ่มมาอีก 10 ปี
ทีนี้ก็ต้องมาสำรวจกันหน่อยว่า เงินชดเชยที่ได้รับจากบริษัท รวมถึงเงินเก็บออมของตัวเองนั้นเพียงพอใช้จ่ายหลังเกษียณแค่ไหน สมมติว่า ตอนนี้อายุ 50 ปี หากใช้จ่ายหลังเกษียณเดือนละ 15,500 บาท (จากผลสำรวจค่าใช้จ่ายหลังเกษียณของ K-Expert) เท่ากับว่า ช่วงหลังเกษียณ 35 ปี ต้องใช้เงินจำนวน 6.51 ล้านบาท ถ้าเงินเก็บที่มีและเงินก้อนที่จะได้รับมามีเพียงพอ ก็พออุ่นใจได้ว่า การใช้จ่ายประจำวันตลอดช่วงชีวิตที่เหลืออยู่จะไม่สะดุดลง
หนี้สินหรือภาระการเงิน
ก่อนจะ Early ลองสำรวจดูว่าตัวเรามีภาระการเงินอะไรอยู่บ้าง ทั้งหนี้บ้าน หนี้รถ และประกันที่ยังต้องชำระเบี้ยต่อเนื่อง เพราะหากยังทำงานประจำมีรายได้เข้ามา อาจไม่มีปัญหามากนักกับภาระหรือรายจ่ายที่ต้องจ่ายทุกเดือน แต่คนที่ต้องการ Early อาจต้องปิดหนี้ให้เรียบร้อยก่อน หรือกันเงินไว้ก้อนหนึ่งสำหรับชำระค่างวดที่เหลือ
สำหรับคนที่มีลูก มีคนในครอบครัว หรือคนที่ต้องดูแล อาจต้องวางแผนเพิ่มอีกหน่อย เพราะไม่ใช่เพียงเลี้ยงดูตัวเองเท่านั้น ยิ่งเดี๋ยวนี้คนเรามีลูกช้า ส่วนใหญ่มีลูกตอนอายุ 30 ปีขึ้นไปแล้ว กว่าลูกจะเรียนจบก็ไม่น้อยกว่า 20 ปี ตัวเราเองก็อายุไม่น้อยกว่า 50 ปีแล้ว ดังนั้น หากตัดสินใจ Early หรือเกษียณเร็ว ในขณะที่ลูกยังเรียนอยู่ จะต้องเตรียมเงินก้อนสำหรับค่าเรียนและค่าใช้จ่ายของลูกไว้ด้วย
เหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากคำนวณเงินที่ต้องใช้จ่ายหลังเกษียณ และภาระต่างๆ แล้ว การเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเราก็เป็นเรื่องสำคัญ เรื่องฉุกเฉินที่ว่านี้ เช่น การเจ็บป่วย ตอนทำงานประจำ เมื่อเจ็บป่วยไม่สบาย สามารถเบิกประกันสังคม หรือสวัสดิการรักษาพยาบาลของที่ทำงาน ซึ่งอาจไม่ต้องใช้เงินตัวเองเลย หรือออกเพียงบางส่วน แต่หาก Early ออกจากงานแล้ว สวัสดิการเหล่านี้จะหายไป โดยต้องยอมรับว่า ค่ารักษาพยาบาลเดี๋ยวนี้ไม่ใช่ถูกๆ เพียงแค่ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ ค่าหมอค่ายาอย่างน้อยๆ ก็หลักพัน หากนอนโรงพยาบาลคงมีหลักหมื่น ซึ่งการทำประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรงจะช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้ หรือหากต้องการประหยัดหน่อย สามารถใช้สวัสดิการภาครัฐ อย่างบัตรทอง หรือใช้สิทธิประกันสังคม โดยสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ภายใน 6 เดือนหลังออกจากงาน หรือแม้กระทั่งค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้าน หลังคารั่ว พื้นบ้านทรุด ต้องใช้เงินไม่น้อยในการซ่อมแซม เรื่องเหล่านี้ไม่อาจมองข้ามได้ หากไม่เตรียมเงินไว้ อาจกระทบกับเงินเก็บเงินออมได้
อีกเรื่องหนึ่งที่แนะนำให้เตรียมพร้อมไว้ คือ บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด เผื่ออย่างน้อยต้องใช้เงิน ก็มีบัตรสำรองไว้ใช้จ่าย แต่อยากให้ฉุกเฉินจริงๆ ค่อยใช้ เพราะต้องแลกกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงถึง 20-28% ต่อปี หรืออนาคตต้องการมีบัตรเหล่านี้ แต่ไม่ได้มีรายได้ประจำ อาจสมัครหรือทำได้ยาก
Early Retire หรือเกษียณเร็วโดยสมัครใจลาออก ต้องวางแผนให้ดี โดยหากคิดคำนวณแล้ว เงินเก็บอาจไม่เพียงพอใช้จ่ายหลังเกษียณ ก็แนะนำทำงานต่ออีกสักหน่อย ให้มีเวลาเก็บเงินมากขึ้นอีกสักนิด หรือสำหรับคนที่มีเงินเก็บมากพอ ถือเป็นเรื่องน่ายินดี แต่แนะนำว่า เมื่อ Early จากงานประจำแล้ว ไม่จำเป็นต้องหยุดทำงานไปเลย แต่ลองหางานอดิเรกทำยามว่าง อย่างน้อยชีวิตจะได้ไม่เงียบเหงา แถมงานอดิเรกนั้น อาจกลายเป็นอาชีพที่ทำรายได้เพิ่มหลังเกษียณให้ตัวเราก็เป็นได้
