เก็บภาษีเหล้า เบียร์ บุหรี่ เพิ่ม 2% สมทบกองทุนผู้สูงอายุ

เก็บภาษีเหล้า เบียร์ บุหรี่ เพิ่ม 2% สมทบกองทุนผู้สูงอายุ

พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ โดยมีสาระสำคัญให้กองทุนผู้สูงอายุมีอำนาจจัดเก็บเงินบำรุงกองทุนจากผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีสรรพสามิตในส่วนสุรา เบียร์ และยาสูบ จำนวน 2% ต่อปี แต่ไม่เกินปีละ 4,000 ล้านบาท มาจัดสรรเงินเป็นรายได้แก่กองทุนผู้สูงอายุเพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อจำนวนผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
ภาษีสุรา เบียร์ และบุหรี่ ช่วยเพิ่มเบี้ยชราภาพ
ในปี 2559 รัฐบาลจัดเก็บภาษีสรรพสามิตส่วนสุรา เบียร์ และยาสูบ อยู่ที่ 5.5% จำนวน 213,569 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้กรมสรรพสามิตได้มอบเงินอุดหนุนให้แก่ 3 หน่วยงานประกอบด้วย
1. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ปีละ 2% ของรายได้ภาษีสรรพสามิต หรือประมาณ 4,271 ล้านบาท
2. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือ TPBS ปีละ 1.5% ของรายได้ภาษีสรรพสามิต หรือไม่เกิน 2,000 ล้านบาท
3. กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ 2% ของรายได้ภาษีสรรพสามิต หรือประมาณ 4,271 ล้านบาท
หากรวมกองทุนผู้สูงอายุเข้าไปอีก 2% จะทำให้ภาษีสุรา เบียร์ และยาสูบ เพิ่มขึ้นเป็น 7.5% โดยคาดว่าจะได้เงินสมทบกองทุนชราภาพเพิ่มขึ้นอีก 4,000 ล้านบาท จากเดิมที่ใช้งบประมาณของภาครัฐ 60,000-70,000 ล้านบาท/ปี โดยเงินส่วนนี้จะนำไปเพิ่มเป็นเงินเบี้ยชราภาพให้สูงขึ้น

ผู้สูงอายุพุ่ง รับขั้นต่ำ 600 บาท/เดือน
ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงอายุทั้งหมด 10.3 ล้านคน คิดเป็น 16% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้มีการให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การให้เบี้ยชราภาพ มีผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยชราภาพประมาณ 8 ล้านคน โดยปัจจุบันมีการจ่ายเบี้ยตามขั้นบันไดของอายุ เช่น อายุ 60-70 ปี ได้รับเบี้ย 600 บาท/เดือน อายุ 70-80 ปี ได้รับเบี้ย 700 บาท/เดือน อายุ 80-90 ปี ได้รับเบี้ย 800 บาท/เดือน และอายุมากกว่า 90 ปี ได้รับเบี้ย 1,000 บาท/เดือน นอกจากนี้ยังมีเงินสงเคราะห์การยังชีพเพิ่มเติมรายละ 300 บาท ตามกฎเกณฑ์ของกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจ่ายเงินของการสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 900-1,300 บาท
ใช้มาตรการคนรวยช่วยคนจน
นอกจากกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ทางรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังยังได้กำหนดแนวทางที่จะเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 900-1,300 บาท/คน และขยายแหล่งเงินเข้าในกองทุนชราภาพที่มีอยู่เดิม ซึ่งจะมาจากความสมัครใจของผู้สูงอายุที่มีฐานะดีสละสิทธิ์รับเบี้ยชราภาพ ซึ่งพบว่ามีจำนวนถึง 5 ล้านคน จากจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมด 8 ล้านคนที่รับเบี้ยชราภาพ โดยโอนสิทธิ์ตรงเข้ากองทุนเพื่อนำไปเพิ่มให้กับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย โดยทางกระทรวงการคลังจะมีเหรียญเชิดชูเกียรติให้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้เสียสละให้กับผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะได้เพิ่มเติมอีกปีละ 4,000 ล้านบาท ทำให้เมื่อรวมแล้วแต่ละปีจะมีเงินเข้ามาสมทบกองทุนชราภาพเพิ่มขึ้น 8,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นของทั้งสุรา เบียร์ และยาสูบ แน่นอนว่าผู้ประกอบการจะต้องผลักภาระไปยังผู้บริโภค ซึ่งทำให้สินค้าประเภทดังกล่าวมีราคาแพงขึ้น แต่กฎหมายฉบับนี้ยังไม่มีผลบังคับใช้ทันที คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสำนักงานกฤษฎีกาภายในระยะเวลา 2-3 เดือน และใช้เวลาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติอีกประมาณ 2 เดือน จึงคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ประมาณต้นปี 2561