#สินเชื่อธอสเพื่อคนไทยในต่างประเทศ #ThinkOfThailandThinkSunAssets
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า (TOD) ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อย และรายได้ปานกลาง ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ที่สำคัญใกล้เส้นทางรถไฟฟ้า ในระดับราคาที่รับภาระได้ โดยนำร่องโครงการแรกประชานิเวศน์ 3 ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู ราคาเริ่มต้น 8 แสนกว่าบาท
โครงการนำร่องโครงการแรกคือประชานิเวศน์ 3 วงเงินลงทุนรวม 464.40 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ในประเทศ 413.82 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้จัดหาและค้ำประกันเงินกู้ให้ ส่วนที่เหลือ 50.59 ล้านบาท จะเป็นเงินจากรายได้ของการเคหะแห่งชาติ
ทั้งนี้โครงการประชานิเวศน์ 3 มีเนื้อที่ 6.3 ไร่ รูปแบบคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น จำนวน 556 ยูนิต ประกอบด้วยห้องพักอาศัยที่มีพื้นที่ใช้สอย 25.5 ตารางเมตร ประมาณ 94 ยูนิต และพื้นที่ใช้สอย 30 ตารางเมตร ประมาณ 455 ยูนิต และเป็นพื้นที่ร้านค้าประมาณ 7 ยูนิต ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ประมาณ 2.5 กิโลเมตร คาดว่าจะเสร็จในปี 2564 โดยจะมีมูลค่าต่อหน่วยประมาณ 828,000-1,194,000 บาท ซึ่งถือเป็นโครงการนำร่องโครงการแรก ถ้าประสบความสำเร็จจะเดินหน้าโครงการต่อไป
โดยหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้ซื้อ การเคหะแห่งชาติจะนำฐานข้อมูลผู้มีรายได้น้อยตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐของกระทรวงการคลังที่เป็นปัจจุบันมาพิจารณาประกอบการดำเนินการ โดยให้ความสำคัญกับผู้มีรายได้น้อยตามโครงการดังกล่าวเป็นอันดับแรก และในการดำเนินโครงการจะคำนึงถึงความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริงและเหมาะสม เช่น สภาพขนาด และรูปแบบที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อม และเส้นทางการคมนาคม รวมทั้งความคุ้มค่าในการดำเนินการและการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้หลักเกณฑ์การซื้อ การบริหารโครงการ และการทำสัญญาซื้อขาย จะป้องกันการขายสิทธิ์ต่อหรือการเก็งกำไรของผู้ที่ต้องการแสวงประโยชน์ เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยังได้มอบหมายให้การเคหะแห่งชาติ จัดหาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย และรายได้ปานกลาง ตามโครงข่ายรถไฟฟ้า ในทำเลเป้าหมายอีก 3 พื้นที่ ได้แก่ โครงการร่มเกล้า โครงการลำลูกกา-คลอง 2 และโครงการบางปู
ขณะนี้โครงการลำลูกกา-คลอง 2 ยังอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ส่วนโครงการบางปูถูกชะลอโครงการไว้ก่อนเนื่องจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากอยู่แล้ว สำหรับโครงการร่มเกล้าอยู่ระหว่างรอการปรับผังเมือง
ถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตด้านการอยู่อาศัย และเสริมสร้างความเสมอภาคและโอกาสในการได้รับบริการโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐอย่างเท่าเทียมกัน โดยเมื่อเทียบกับโครงการของเอกชนที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้ามากกว่า ราคาอยู่ที่ประมาณ 2-3 ล้านบาท ถือว่าถูกกว่ามาก ก็ต้องมารอดูกันต่อไปว่าโครงการจะออกมารูปร่างหน้าตาแบบไหน และคนจนจริง ๆ จะมีโอกาสจับจองเป็นเจ้าของได้จริง ๆ หรือไม่ หรือจะตกเป็นเครื่องมือของคนรวยและนักเก็งกำไร เช่นเดียวกับภาพเดิม ๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับโครงการบ้านเอื้ออาทรหรือบ้านยั่งยืนที่คนจนจริง ๆ ไม่ได้อยู่ แต่คนอยู่กลับจนไม่จริง แถมปล่อยเช่าให้คนจนอยู่อีกต่างหาก