#สินเชื่อธอสเพื่อคนไทยในต่างประเทศ #ThinkOfThailandThinkSunAssets
จากแนวคิดของรัฐบาลที่ต้องการให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง จึงเดินหน้าพัฒนาโครงการบ้านประชารัฐโดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างการเคหะแห่งชาติ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการชาวไทยและชาวต่างชาติให้มาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โดยจะเร่งแก้ไขข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อให้โครงการเดินหน้าได้ภายใน 6 เดือน เบื้องต้นคาดว่าราคาที่อยู่อาศัยจะมีราคาประมาณ 400,000-500,000 บาท หรือผ่อนเดือนละ 2,000 บาท
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ ธอส. และการเคหะแห่งชาติ สรุปแนวทางการจัดทำบ้านประชารัฐ สำหรับผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง ซึ่งจะเป็นการคิดใหม่ และต้องใช้เวลาไม่นาน โดยจะต้องได้ข้อสรุปภายใน 6 เดือน จากที่ผ่านมาได้สั่งการให้กระทรวงการคลังดำเนินการ แต่ไม่สามารถทำได้เร็ว เนื่องจากติดปัญหาหลายประการ โดยจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาเรื่องรายได้ที่สามารถผ่อนชำระได้ รูปแบบการเป็นเจ้าของ จะเช่าหรือซื้อ แต่ราคาไม่จำเป็นต้องเท่ากัน เพราะฐานรายได้และความต้องการของผู้มีรายได้น้อยแตกต่างกัน ขณะเดียวกันการใช้ที่ดินก่อสร้างโครงการอาจจะเป็นทั้งที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์และเอกชนที่พร้อมจะเข้าร่วมโครงการในรูปแบบพีพีพี ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะนักลงทุนไทย แต่ยังรวมถึงนักลงทุนต่างชาติด้วย
บ้านประชารัฐ จะเปิดให้สิทธิผู้ที่มาลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนกว่า 11 ล้านคนก่อน โดยอาจกำหนดหลักเกณฑ์ที่ต่างกัน อาทิ กลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาท/ปี ก็จะสามารถซื้อบ้านได้ราคาหนึ่ง ส่วนกลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท/ปี ซึ่งต่ำกว่าเส้นยากจนนั้น อาจจะเป็นรูปแบบการเช่า
โดยราคาบ้านประชารัฐที่เหมาะสมสำหรับโครงการนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 4-5 แสนบาท/หน่วย โดยมีภาระค่าผ่อนประมาณ 2,000 บาท/เดือน ในระยะเวลา 40 ปี ซึ่งคาดว่าจะผ่อนชำระได้ หากเป็นกรณีเช่าคาดว่าจะไม่เกิน 1,000-1,500 บาท/เดือน แต่หากบางรายไม่มีฐานรายได้ที่ชัดเจน เนื่องจากมีอาชีพอิสระ ก็จะพิจารณาให้เช่าซื้อระยะยาว และโอนสินทรัพย์ให้ในภายหลัง และอาจจะมีการให้สิทธิประโยชน์กับผู้มีรายได้น้อยที่จองซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียมบางประเภท และเงินประกันในการเข้าอยู่อาศัย
นอกจากนี้ การเคหะแห่งชาติ ยังเสนอกระทรวงการคลังให้พิจารณาเรื่องการขอจัดตั้งกองทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อยวงเงิน 5,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ให้ผู้มีรายได้ที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อ หรืออาจให้ค้ำประกันการขอสินเชื่อให้ผู้มีรายได้น้อย
ถือเป็นแนวคิดที่ดีในการส่งเสริมให้คนไทย โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง แต่สิ่งหนึ่งที่ภาครัฐควรจะต้องเร่งพิจารณาควบคู่กันไปด้วยคือมาตรการที่จะช่วยให้ธนาคารของรัฐปล่อยสินเชื่อได้ง่ายขึ้น เนื่องจากผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ เพราะรายได้ไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะกู้ได้หากใช้เกณฑ์พิจารณาคุณสมบัติตามปกติ ไม่เช่นนั้นจะเกิดกรณีเดียวกับบ้านเอื้ออาทร ที่ปัจจุบันยังเหลือขายเป็นจำนวนมาก