#สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างประเทศ #อยู่ต่างประเทศซื้อบ้านในไทย #สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างแดน #อยู่ต่างประเทศอยากซื้อบ้านในไทย
ที่ผ่านมาตลาดบ้านมือสอง มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ในแต่ละปีประมาณ 40% ของยอดโอนกรรมสิทธิ์รวม หรือประมาณ 1.2 แสนล้านบาท แม้ตลาดจะมีศักยภาพ แต่คุณภาพบ้านยังมีปัญหา ส่วนนายหน้าขายบ้านก็ไม่มีศักยภาพเพียงพอ ซึ่งปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการที่ประเทศไทยไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับมาตรฐานวิชาชีพนายหน้า หรือกฎระเบียบควบคุมการซื้อ-ขาย ทำให้เกิดปัญหาผู้บริโภคถูกหลอกลวงจากนายหน้าที่ไม่ดี ทำให้ไม่กล้าซื้อขายบ้านผ่านตัวแทนนายหน้า ไม่เหมือนกับในต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง ซึ่งมีกฎหมายควบคุมมากว่า 20-30 ปีแล้ว
ในประเทศไทยแม้มีการผลักดันมาตลอด 10 ปี แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากมีนายหน้าอิสระส่วนหนึ่งคัดค้าน โดยอ้างว่ากฎหมายจะลิดรอนสิทธิ์ในอาชีพ แต่หากพิจารณารอบด้านแล้วผลดีจะมีมากกว่าผลเสียหากมีการจัดระเบียบ เนื่องจากเป็นการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพให้ผู้ที่ต้องการจะเป็นนายหน้าต้องขอใบอนุญาต โดยต้องตั้งขึ้นเป็นนิติบุคคล หรือต้องอยู่ภายใต้สังกัดนิติบุคคล เพื่อรับประกันได้ว่าหากเกิดความเสียหายจะต้องมีค่าชดเชยให้กับผู้บริโภคตามกฎหมาย มีการศึกษาอบรมก่อนทำงานจริงและมีการควบคุมให้มีการทำงานที่มีจริยธรรมที่ดี นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันความเสียหายจากนายหน้าจากต่างประเทศที่เข้ามาประกอบอาชีพในไทยด้วย
กระทรวงการคลังได้หารือร่วมกับสถาบันการเงิน ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สมาคมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เพื่อรวบรวมข้อมูลตลาดบ้านมือสองให้เป็นระบบ ทั้งในส่วนของข้อมูลผู้ที่ต้องการขายบ้านมือสอง ข้อมูลบริษัทบริหารสินทรัพย์ ข้อมูล NPA (Non-Performing Asset) ของธนาคารรัฐ ครอบคลุมไปถึงข้อมูลของกรมบังคับคดี เพื่อให้ผู้สนใจซื้อขายบ้านมือสอง สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้สะดวกมากขึ้น รวมทั้งกำลังร่างกฎหมายเกี่ยวกับนายหน้า เพื่อยกระดับอาชีพนายหน้าของไทยให้มีคุณภาพ แก้ปัญหานายหน้าที่มักหลอกลวง ย้อมแมวขายบ้านด้อยคุณภาพให้ประชาชน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งเชื่อว่าจะพิจารณาแล้วและมีผลบังคับใช้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากสามารถรวมศูนย์ข้อมูลบ้านมือสองได้ตามแผน จะช่วยเสริมระบบเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียน เกิดการเปลี่ยนมือได้ง่ายขึ้นเช่นเดียวกับต่างประเทศที่มีการซื้อ-ขายบ้านมือสองบ่อยครั้ง และช่วยกระตุ้นยอดขายบ้านมือสองให้เติบโตมากขึ้นถึง 50% หรือใกล้เคียงกับบ้านมือหนึ่ง รวมทั้งยังทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงการครอบครองกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในภาวะที่บ้านใหม่ราคาแพงขึ้นทุกวัน