ตลาดคอนโดฯ กลาง-บนดีมานด์สูง ปิดการขายเร็ว คาดปี 61 แรงต่อเนื่อง

ตลาดคอนโดฯ กลาง-บนดีมานด์สูง ปิดการขายเร็ว คาดปี 61 แรงต่อเนื่อง

#สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างประเทศ #อยู่ต่างประเทศซื้อบ้านในไทย #สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างแดน #อยู่ต่างประเทศอยากซื้อบ้านในไทย

ทิศทางคอนโดมิเนียมปี 2561 มีแนวโน้มจะเติบโตต่อเนื่องหลังจากที่ในปีที่ผ่านมาคอนโดมิเนียมในหลายโซนปิดการขายได้เร็วกว่าค่าเฉลี่ย และยังมีดีมานด์ตอบรับสูง ทั้งในโซนกรุงเทพฯ ชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก จากการสำรวจของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ พบว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในปัจจุบันยังเติบโตอย่างน่าสนใจแม้จะมีบางทำเลที่มีผู้ประกอบการเข้าไปแข่งขันกันค่อนข้างมากจนทำให้การดูดซับเริ่มทรงตัว แต่ในปี 2560 ที่ผ่านมา จากอุปทานห้องชุด จำนวน 121,291 ยูนิต อุปสงค์ให้การตอบรับแล้ว 68,228 ยูนิต ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้น 13% หรือเพิ่มขึ้น 9,228 ยูนิต จากปีก่อน ยอดขายปรับตัวดีขึ้นเกือบทุกช่วงราคา ซึ่งมาจากทิศทางเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น และหนี้ครัวเรือนที่มีแนวโน้มลดลง
กรุงเทพฯ ชั้นใน 1.3-1.6 แสนบาท/ตร.ม. ขายดี
ตลาดคอนโดมิเนียมช่วงครึ่งปีหลัง 2560 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน โซนเพลินจิต-ชิดลม-สีลม-สาทร-สุขุมวิท มีจำนวน 11,148 ยูนิต อัตราการดูดซับสูงถึง 45% โดยโครงการที่มีอุปสงค์อยู่ในระดับสูงจะเป็นโครงการในช่วงระดับราคากลาง-บน ราคาขายเฉลี่ย 130,000-160,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งมีแนวโน้มอัตราการดูดซับดี โดยในทำเลสุขุมวิท พบว่า โครงการระดับราคา 160,000-400,000 บาท/ตารางเมตร ประเมินว่าจะสามารถปิดการขายได้ในระยะเวลาเพียง 3-4.5 เดือน เร็วกว่าค่าเฉลี่ยที่ 5.5 เดือน เนื่องจากในทำเลดังกล่าวเหลือพื้นที่พัฒนาโครงการไม่มาก แต่ยังมีความต้องการซื้อสูง
กรุงเทพฯ ชั้นกลาง ทำเลรัชดาฮอต ปิดการขายใน 1 เดือน
ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นกลาง โซนพหลโยธิน-พญาไท-พระราม 3-รัชดา มีจำนวน 17,878 ยูนิต อัตราการดูดซับ 47% อุปสงค์ส่วนใหญ่เป็นโครงการในระดับกลาง ราคา 70,000-160,000 บาท/ตารางเมตร ประเมินว่าจะสามารถปิดการขายได้เฉลี่ยในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน โดยทำเลพหลโยธินพบว่า คอนโดมิเนียมที่มีอุปสงค์สูงจะเป็นโครงการในช่วงระดับราคา 130,000-200,000 บาท/ตารางเมตร
ขณะที่คอนโดมิเนียมย่านรัชดาภิเษกจะอยู่ในช่วงราคา 100,000-160,000 บาท/ตารางเมตร แต่โครงการระดับกลาง-บน ในราคา 130,000-160,000 บาท/ตารางเมตร พบว่าเป็นที่น่าจับตามอง เนื่องจากเป็นโครงการที่อยู่บริเวณตามแนวรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคลที่จะมีการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเพิ่มเติมตัดเชื่อมผ่านสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ซึ่งจะทำให้สามารถเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ และยังอยู่ในทำเลศักยภาพที่มีทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ และในอนาคตจะมีอาคารสูงที่คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของประเทศ จึงมีความต้องการซื้อทั้งเพื่ออยู่เองและเพื่อการลงทุน จากการประเมินคาดว่าจะสามารถขายหมดได้เร็วกว่าค่าเฉลี่ย คือสามารถปิดการขายได้ในระยะเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น
กรุงเทพฯ ชั้นนอก 1.3-2 แสนบาท/ตร.ม. น่าจับตา
สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอก ธนบุรี-สุขุมวิทรอบนอก-บางซื่อ-มีนบุรี-นนทบุรี-พระราม2-รามคำแหง-สุวรรณภูมิ มีจำนวน 18,062 ยูนิต อัตราการดูดซับ 43% มีอุปสงค์ตอบรับในโครงการระดับกลางคือ ระดับราคา 50,000-100,000 บาท/ตารางเมตร แต่หากดูจากข้อมูลประเมินจำนวนเดือนที่ควรจะขายหมด พบว่า คอนโดมิเนียมในโครงการระดับกลาง-บน ราคา 130,000-200,000 บาท/ตารางเมตร เป็นที่น่าจับตามอง เนื่องจากทำเลสุขุมวิทรอบนอกกินพื้นที่ค่อนข้างกว้างและศักยภาพแต่ละโซนแตกต่างกัน จึงมีโครงการที่ครอบคลุมหลายระดับราคา โดยโครงการที่อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายยังมีจำนวนไม่มากและค่อนข้างกระจุกตัว จึงสามารถทำราคาได้สูงกว่าราคาเฉลี่ยในตลาด ซึ่งมีอุปสงค์ตอบรับสูงเช่นกัน ทำให้มีแนวโน้มปิดการขายหมดได้ภายใน 5-6 เดือน จากอัตราเฉลี่ย 7 เดือน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งปีแรก 2561 นี้ คาดว่าตลาดจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากสภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ส่งผลให้เกิดการลงทุนในฝั่งผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและต่างชาติ อีกทั้งในอนาคตยังมีการปรับผังเมืองในกรุงเทพฯ ที่ทำให้สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังได้ปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้เกิดอุปทานใหม่ในตลาด จึงเป็นสัญญาณที่ดีของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยในอนาคตคาดว่าจะเกิดโครงการคอนโดมิเนียมในรูปแบบใหม่ เช่น โครงการมิกซ์ยูส คอนโดมิเนียมสำหรับผู้สูงอายุ รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้กับโครงการอีกด้วย