5 ปัจจัย เลือกลงทุนคอนโดฯ อย่างไร ให้ผลตอบแทนไว

5 ปัจจัย เลือกลงทุนคอนโดฯ อย่างไร ให้ผลตอบแทนไว

#สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างประเทศ #อยู่ต่างประเทศซื้อบ้านในไทย #สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างแดน #อยู่ต่างประเทศอยากซื้อบ้านในไทย

ในยุคที่การลงทุนแบ่งออกเป็นหลายแบบหลายประเภทนั้น การลงทุนใน “อสังหาริมทรัพย์” ยังคงมีผลตอบรับที่ดีเสมอ โดยเฉพาะการลงทุนกับ “คอนโดมิเนียม” ที่เรียกได้ว่ามาแรงที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเพราะคนเชื่อว่าอสังหาริมทรัพย์เป็นสินทรัพย์ที่มีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีความเสี่ยงสูงหากปราศจากการศึกษาที่มากพอ เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านั้น การมีหลักเกณฑ์ที่ดีในการเลือกลงทุนจึงช่วยให้การลงทุนมีความปลอดภัยมากขึ้น

1. ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
แน่นอนว่าการลงทุนคอนโดมิเนียม ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องของ “ทำเล” เป็นอันดับต้น ๆ เพราะทำเลจะเป็นตัวกำหนดกลุ่มเป้าหมายและอัตราค่าเช่า หากเลือกลงทุนโครงการบนทำเลที่มีความต้องการสูงก็ยิ่งส่งผลให้สามารถทำกำไรได้มาก แต่อย่างไรก็ตามนอกจากปัจจัยเรื่องทำเลแล้วก็ยังต้องนำปัจจัยอื่น ๆ มาประกอบกันด้วย อาทิ สิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการอย่างห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา โรงพยาบาล หรือร้านสะดวกซื้อ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตทั้งสิ้น

2. พื้นที่ส่วนกลางทั่วถึง คำนึงถึงผู้อยู่อาศัย
การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ดึงดูดผู้อยู่อาศัย นักลงทุนที่ดีควรคำนึงถึงจุดนี้อย่างมากเพราะปัจจุบันที่อยู่อาศัยไม่ใช่เพียงเพื่ออาศัยเท่านั้น แต่ยังต้องมีพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยได้ดีอีกด้วย ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่สระว่ายน้ำ ฟิตเนส หรือพื้นที่สีเขียวเท่านั้น แต่รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามามีส่วนช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

3. ไทป์ห้องหลากหลาย ตอบโจทย์การใช้ชีวิต
เรื่องของไทป์ห้องนั้นขึ้นอยู่กับนักลงทุนว่ามีกลุ่มเป้าหมายระดับใด บางคนมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนโสด หรือคู่รักที่ยังไม่มีลูก ก็อาจเลือกซี้อห้อง Studio หรือ 1 Bedroom ก็เพียงพอต่อการใช้ชีวิต แต่หากกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มครอบครัวขนาดไม่ใหญ่มากก็อาจซื้อเป็น 1 Bedroom Plus หรือ 2 Bedroom ก็ตรงตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังเป็นตัวกำหนดอัตราค่าเช่าอีกด้วย เช่น ในย่านทำเลสุขุมวิท-เทพารักษ์ สำหรับคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี ห้อง Studio จะมีอัตราปล่อยเช่าอยู่ที่ 9,000-10,000 บาท หากเป็น Type 1 Bedroom Plus หรือ 2 Bedroom อัตราปล่อยเช่าจะขยับไปถึง 12,000-14,000 บาท ซึ่ง Type เหล่านี้ยังคงมีดีมานด์เข้ามาเติมอยู่เรื่อย ๆ เนื่องจากสุขุมวิท-เทพารักษ์ เป็นย่านที่มีการขยับขยายมาจากเส้นสุขุมวิทที่ใกล้แนวรถไฟฟ้า ทำให้ย่านนี้เริ่มเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น

วิธีคำนวณค่าเช่าห้องที่ไม่ทำให้ขาดทุน!
นอกจากไทป์ห้องที่ตรงตามความต้องการแล้ว การตกแต่งห้องก่อนปล่อยเช่าก็ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับห้อง และยังช่วยดึงดูดความสนใจให้กับผู้เช่าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการบิลท์อินตกแต่งเพิ่มความสวยงาม ติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ รวมไปถึงการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทันสมัยเข้ามาใส่เพิ่ม ล้วนมีส่วนในการทำให้ปล่อยเช่าได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

Knightsbridge สุขุมวิท-เทพารักษ์

4. มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้
ปัจจุบันต้องยอมรับว่าธุรกิจอสังหาฯ มีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นจุดเด่นและสร้างเอกลักษณ์ให้ตัวโครงการเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี Smart Home ที่ช่วยควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ทำให้ประหยัดการใช้พลังงานภายในห้อง ระบบ EV Charger ที่ตอบโจทย์เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต อีกทั้งยังตอบสนองนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงระบบ Auto Parking เป็นอีกหนึ่งความสะดวกสบายที่มาพร้อมกับความปลอดภัย ช่วยสร้างคุณภาพชีวิตของการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมให้ดีมากยิ่งขึ้น

5. คำนึงถึงการลงทุนระยะสั้น-ยาว
เมื่อมีการลงทุนเกิดขึ้น แน่นอนว่าต้องมีความคาดหวังของผลตอบแทน สำหรับการลงทุนในคอนโดมิเนียมนั้นมักมาในรูปแบบของการขายใบจองหรือปล่อยเช่า ซึ่งก็มีความเสี่ยงว่าจะมีผู้ซื้อหรือคนมาเช่าได้ตลอดหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดให้น้อยที่สุดในการลงทุน จึงควรคำนึงถึงระยะเวลาการลงทุนว่าต้องการลงทุน ”ระยะสั้น” หรือ ”ระยะยาว”

สำหรับ ”การลงทุนระยะสั้น” เป็นการลงทุนที่หวังส่วนต่างจากการขาย ดังนั้นการเลือกลงทุนประเภทนี้จึงต้องซื้อให้ได้ในราคาถูก เช่น การซื้อรอบพรีเซล นอกจากนี้การเลือกลงทุนระยะสั้นควรเลือกลงทุนในคอนโดมิเนียมที่มีทำเลดี มีความต้องการอยู่อาศัยสูงหรือกำลังมาแรงในขณะนั้น เรียกได้ว่าการลงทุนประเภทนี้ต้องอาศัยความเร็วและความแม่นยำเพื่อที่จะศึกษาและสามารถซื้อลงทุนได้เร็วกว่าคนอื่น ซึ่งหากมีความเชี่ยวชาญระดับหนึ่งก็สามารถทำกำไรจากการลงทุนประเภทนี้ได้สูง

ส่วน “การลงระยะยาว” เป็นการลงทุนที่หวังใน cash flow หรือกระแสเงินสดจากค่าเช่า ดังนั้นการลงทุนประเภทนี้จะต้องให้ผลตอบแทนค่าเช่าที่ค่อนข้างดีและมีความต้องการเช่าอยู่อาศัยสูง ซึ่งผลตอบเเทนจากค่าเช่าควรมากกว่า 6% และมีอัตราการถือครอบครองห้องมากกว่า 80% ขึ้นไป

ทั้งนี้ หากใครที่ยังไม่แน่ใจกับการลงทุนประเภทนี้ ปัจจุบันโครงการต่าง ๆ มีการใช้กลยุทธ์ในการการันตีผลตอบแทน (Yield Guarantee) ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนเพราะสามารถคืนผลประโยชน์กลับมาให้นักลงทุนได้จริง รวมไปถึงมีบริการในการนำห้องของนักลงทุนไปปล่อยเช่าให้ แล้วคืนผลกำไรโดยคิดคำนวนเป็น % ต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะได้ผลกำไรตามจริงหรือใกล้เคียงกับที่โครงการการันตีไว้ โดยการลงทุนรูปแบบนี้ก็มีข้อดีต่างจากการลงทุนระยะสั้น คือ ค่อนข้างมั่นคง สามารถถือได้ยาว ๆ และถ้าไม่ซีเรียสเรื่องระยะเวลาสุดท้ายก็จะเป็นหนทางสู่ Passive income ที่แท้จริง

cr.ddproperty