“ประกันภัยบ้าน” สิ่งจำเป็นที่หลายคนมองข้าม

“ประกันภัยบ้าน” สิ่งจำเป็นที่หลายคนมองข้าม

#สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างประเทศ #อยู่ต่างประเทศซื้อบ้านในไทย #สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างแดน #อยู่ต่างประเทศอยากซื้อบ้านในไทย

ถ้าหากคุณกำลังจะมองหาสินเชื่อบ้านหรือกำลังจะซื้อ/สร้างบ้าน การทำประกันภัยบ้านมีความสำคัญมากกว่าแค่กฎหมายกำหนด ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่า ประกันภัยบ้านแต่ละประเภทเป็นอย่างไร และแบบไหนบ้างที่กฎหมายบังคับให้ต้องมี
ประกันภัยบ้าน คือ ประกันที่ให้ความคุ้มครองสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่อยู่อาศัย โดยเมื่อเกิดเหตุที่สร้างความเสียหายให้แก่ตัวบ้านหรือทรัพย์สินภายในบ้าน บริษัทประกันเข้าประเมินความเสียหายและชดเชย/บรรเทาความสูญเสียตามกรมธรรม์ที่กำหนด ซึ่งมีลักษณะไม่ต่างจากการทำประกันชีวิต การทำประกันภัยบ้านถือเป็นเรื่องจำเป็น ควรให้ความสำคัญ เพราะประโยชน์ของประกันคือการชดเชยความเสียหาย ซึ่งสำหรับบ้าน คือ สินทรัพย์มูลค่าสูง หากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม แก๊สระเบิด ฯลฯ จะได้มีเงินชดเชยเพื่อมารับมือกับเหตุที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกรณีที่บ้านยังไม่หมดภาระหนี้สิน หากต้องเสียบ้านไป ก็ยังได้เงินจากประกันเพื่อมาจ่ายยอดเงินกู้คงเหลือของธนาคารได้
สำหรับประกันภัยบ้านก็สามารถแบ่งเป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้ดังนี้
ประกันอัคคีภัย (กฎหมายบังคับ)
ประกันอัคคีภัย เป็นประกันที่คุ้มครองเหตุไฟไหม้ซึ่งครอบคลุมทั้งเหตุที่เกิดจากภัยธรรมชาติ เช่น ไฟป่า ฟ้าผ่า ฯลฯ และทั้งเหตุสุดวิสัยจากมนุษย์ เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร การระเบิดของแก๊สหุ้งต้ม ฯลฯ หรือความเสียหายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ประกันประเภทนี้จะให้ความคุ้มครองในระยะสั้น เช่น 1 ปี หรือ 2 – 3 ปี ค่าเบี้ยประกันจะขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทและลักษณะของอาคาร ทั้งนี้ ประกันอัคคีภัยเป็นประกันภัยภาคบังคับที่บ้านใหม่ทุกหลังต้องมี ซึ่งเป็นเหตุผลที่หลายๆ ธนาคารที่ให้สินเชื่อบ้านมักจะยื่นกรมธรรม์ให้ทำทันที ทั้งนี้ ยังเป็นการรับประกันว่า หากเกิดเหตุขึ้นกับบ้าน ธนาคารจะยังได้เงินที่ปล่อยสินเชื่อไปแล้วจากบริษัทประกัน
• คุ้มครองตัวบ้านจากเหตุไฟไหม้ ระเบิด ความสูญเสียที่เกี่ยวข้อง
• คุ้มครองระยะสั้น 1 – 3 ปี
• กฎหมายบังคับ
• ค่าเบี้ยประกัน ไม่แน่นอน แต่ไม่เกิน 0.1% ของความคุ้มครอง
ประกันภัยพิบัติ (กฎหมายไม่บังคับ)
ประกันภัยพิบัติ คือ ประกันที่คุ้มครองความเสียหาย-สูญเสียของตัวบ้านหรือทรัพย์สินที่เกิดจากเหตุธรรมชาติ ได้แก่ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ลมพายุ หรือเหตุการณ์ภัยพิบัติอื่นๆ ที่คณะรัฐมนตรีประกาศว่าเป็นสถานการณ์ภัยพิบัติรุนแรง ความคุ้มครองของประกันภัยบ้านประเภทนี้ จะเป็นแบบจำกัดความรับผิด (Sub limit) หมายความว่า ไม่สามารถซื้อความคุ้มครองได้เต็มมูลค่าของบ้าน โดยอัตราเบี้ยประกันภัยไม่เกิน 0.5% ของความคุ้มครองต่อปี ทั้งนี้ หากต้องการความคุ้มครองมากกว่า 100,000 บาท ค่าเบี้ยประกันอาจสูงกว่า 0.5% ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท
• คุ้มครองตัวบ้านจากสถานการณ์ภัยพิบัติ
• คุ้มครองรายปี
• กฎหมายไม่บังคับ
• ค่าเบี้ยประกันไม่เกิน 0.5% ของความคุ้มครอง
ประกันภัยคุ้มครองการโจรกรรม (กฎหมายไม่บังคับ)
ประกันภัยคุ้มครองการโจรกรรม มักจะไม่ค่อยมีคนรู้จักหรือนิยมทำกันเท่าไร แต่สำหรับบ้านที่มีสินทรัพย์มูลค่าสูง อยากได้รับความคุ้มครองสินทรัพย์สำคัญบางอย่าง และบ้านอยู่ในพื้นที่ที่มีประวัติการโจรกรรม แนะนำให้ทำประกันภัยประเภทนี้เพื่อบรรเทาความสูญเสียหากเกิดการโจรกรรม ความคุ้มครองของประกันโจรกรรมจะคุ้มครอง 2 ส่วน ได้แก่ ความสูญเสียต่อทรัพย์สินที่เอาประกัน และความสูญเสียต่อตัวอาคารที่เก็บทรัพย์สินซึ่งเกิดจากการโจรกรรม โดยซื้อความคุ้มครองได้แบบปีต่อปี ซึ่งเบี้ยประกันขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของบริษัทประกันแต่ละเจ้า
• คุ้มครองทรัพย์สินและอาคารที่เก็บทรัพย์สินจากเหตุโจรกรรม
• คุ้มครองรายปี
• กฎหมายไม่บังคับ
• ค่าเบี้ยประกันขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของบริษัทประกัน
การทำประกันภัยบ้านเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ถือเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับเหตุไม่คาดฝัน เพราะถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับที่อยู่อาศัยของเราหรืออาจถึงขั้นต้องสูญเสียบ้านไป แล้วไม่มีประกันที่มาช่วยบรรเทาความสูญเสีย เหตุการณ์เหล่านั้นจะกลายเป็นวิกฤตที่ยากจะผ่านพ้นไปได้
ทั้งนี้ ประกันอัคคีภัยเป็นประกันภาคบังคับที่บ้านหลังใหม่ทุกหลังต้องทำ ส่วนประกันภัยบ้านประเภทอื่นๆ ให้เลือกทำที่ตรงกับความเสี่ยงในพื้นที่นั้นๆ และหากไม่อยากทิ้งภาระหนี้สินไว้ให้กับครอบครัวหากไม่สามารถชำระหนี้สินบ้านได้อีกต่อไป ประกันชีวิตคุ้มครองหนี้สินบ้านก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
Cr. ธนาคารอาคารสงเคราะห์