พยากรณ์ตลาดคอนโดฯ ปี 63 ปีหนูทอง โอกาสของผู้ซื้อ

พยากรณ์ตลาดคอนโดฯ ปี 63 ปีหนูทอง โอกาสของผู้ซื้อ

#สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างประเทศ #อยู่ต่างประเทศซื้อบ้านในไทย #สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างแดน #อยู่ต่างประเทศอยากซื้อบ้านในไทย
ตลาดคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ปี 2562 หดตัว อุปทานเปิดขายใหม่อยู่ที่ 44,662 ยูนิต ลดลงจากในปีก่อนหน้าที่มีการเปิดตัวสูงถึง 66,021 ยูนิต คาดปี 2563 จะเป็นปีหนูทองของผู้ซื้อ หลังพบราคาขายเฉลี่ยปรับลดลง 8-10%
เป็นที่ทราบกันดีกว่าในช่วงปี 2562 ที่ผ่านมา ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครอยู่ในช่วงชะลอตัว ทั้งในส่วนอุปทานที่เห็นถึงการปรับตัวของผู้ประกอบการที่พากันปรับลดการเปิดตัวโครงการใหม่ลงกว่า 40% จากแผนการพัฒนาเดิมและมีการปรับเลื่อนแผนการขายบางโครงการออกไปเป็นปี 2563 เน้นระบายสต็อกที่ยังคงค้างที่ก่อสร้างแล้วเสร็จรอการขาย
สำหรับภาพรวมของกำลังซื้อในประเทศยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว ทั้งในส่วนของเรียลดีมานด์ที่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัย และในส่วนของนักลงทุนที่ยังชะลอตัว โดยพบว่ากลุ่มนักลงทุนจะตัดสินใจซื้อเฉพาะในโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีและระดับราคายังสามารถทำกำไรได้แค่ในบางโครงการเท่านั้น
จากข้อมูลของฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด พบว่า ในปี 2562 มีอุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ทั้งสิ้น 44,662 ยูนิต มูลค่า 219,180 ล้านบาท ลดลง 33.4% จากในปี 2561 ที่มีการเปิดตัวสูงถึง 66,021 ยูนิต โดยอุปทานเปิดขายใหม่กลับไปใกล้เคียงในปี 2560 อยู่ที่ 44,065 ยูนิต ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าอุปทานคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในปี 2563 จะอยู่ที่ประมาณ 40,000-43,000 ยูนิต ใกล้เคียงหรือปรับลดลงเล็กน้อยจากในช่วงปี 2562
ปีทองของผู้ซื้อ 3 มาตรการรัฐหนุนซื้อบ้าน
ถึงแม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะเป็นอีกปีที่ค่อนข้างท้าทายสำหรับผู้ประกอบการในการปรับตัวรับกับปัจจัยลบต่าง ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นปีทองของผู้ซื้อที่มีความพร้อมจริง ๆ ที่จะได้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในราคาที่ถูกลง ทั้งในส่วนของโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมอยู่ รวมถึงโครงการเปิดขายใหม่ที่ผู้ประกอบการก็ไม่กล้าที่จะปรับราคามากขึ้น ขณะที่ทางภาครัฐเองก็มีมีการออกนโยบายต่าง ๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ ได้แก่
1. ปรับลดค่าธรรมเนียมการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1 % เหลือ 0.01 % สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
2. โครงการบ้านดีมีดาวน์ โดยภาครัฐสนับสนุนเงินเพื่อลดภาระการผ่อนดาวน์ (Cash Back) จำนวน 50,000 บาทต่อราย
3. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.5% เป็น 1.25%
โดยเชื่อว่า ปี 2563 ยังคงเป็นปีทองสำหรับผู้ซื้อที่มีความพร้อม ทั้งโอกาสที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการ
กระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ และโอกาสที่จะได้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในราคาที่ดี เนื่องจากการแข่งขันออกโปรโมชั่น และส่วนลดต่าง ๆ เพื่อจูงใจจากผู้ขาย
Cr.DDproperty